เงินบาทเช้านี้ 11 ก.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” ที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 31.75 บาท/ดอลลาร์ "แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย แทบไม่เปลี่ยนแปลง" จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 31.79 บาท/ดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 31.65-32.00 บาท/ดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน (แกว่งตัวในกรอบ 31.72-31.84 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกันของเงินดอลลาร์ แม้ว่าเงินดอลลาร์จะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง สอดคล้องกับการปรับตัวลงเล็กน้อยของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ หลังรายงานดัชนีราคาผู้ผลิต PPI ของสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม ปรับตัวลดลง -0.1%m/m (+2.6%y/y) ต่ำกว่าคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ราว 3 ครั้ง ทั้งในปีนี้ (โอกาสราว 80%) และปีหน้า
อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง โดยโอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ลดลงเหลือราว 70% ล่าสุด หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI เดือนสิงหาคม ที่จะทยอยรับรู้ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งภาพดังกล่าว ได้หนุนการรีบาวด์ขึ้นบ้างของเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ อีกทั้งยังมีส่วนกดดันให้ ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลง
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาท (USDTHB) อาจเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways แถวโซน 31.70-31.85 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ หลังผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 19.30 น. ของคืนวันพฤหัสบดีนี้ รวมถึงผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะรับรู้ในช่วง 19.15 น.
โดยในส่วนของผลการประชุม ECB นั้น เรามองว่า อาจไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก ECB อาจคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทว่า อาจต้องจับตา ถ้อยแถลงของประธาน ECB ในช่วง Press Conference (ราว 19.45 น.) ว่าจะส่งสัญญาณต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมของ ECB ได้หรือไม่ เพราะหาก ECB ยังเปิดโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยต่อได้ หรือแสดงความกงัวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันเงินยูโร (EUR) ได้บ้าง
ส่วนในช่วง รับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ นั้น เรามองว่า ตลาดการเงินเสี่ยงผันผวนสูงขึ้นได้ หลังผู้เล่นในตลาดต่างคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดไปพอสมควร โดยเฉพาะการลดดอกเบี้ยของเฟดในการประชุม FOMC เดือนกันยายน ซึ่งผู้เล่นในตลาดเริ่มมองว่า เฟดมีโอกาสที่จะเร่งลดดอกเบี้ย 50bps ในการประชุมดังกล่าว ทำให้ หากรายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาด ก็อาจทำให้ ผู้เล่นในตลาดปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง หนุนการปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาทได้ โดยเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทะลุโซนแนวต้าน 31.85 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก (แนวต้านถัดไป 32.00 บาทต่อดอลลาร์)
ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ออกมาต่ำกว่าคาด พร้อมกับรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ที่แย่ลงชัดเจน ทำให้ ผู้เล่นในตลาดอาจยังมั่นใจต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดราว 3 ครั้ง ได้ ส่งผลให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ เสี่ยงย่อตัวลงบ้าง ส่วนราคาทองคำก็มีโอกาสรีบาวด์สูงขึ้น ทำให้เงินบาทยังมีโอกาสทยอยกลับมาแข็งค่าขึ้น เข้าใกล้โซน 31.50-31.60 บาทต่อดอลลาร์ ได้อีกครั้ง
เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทอาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
