พายุไต้ฝุ่นคาจิกิล่าสุด จ่อเวียดนาม เตือน 12 จว. หน้าด่านรับผลกระทบสูงสุด

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 25 สิงหาคม 2568 กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า พายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” (Kajiki) บริเวณอ่าวตังเกี๋ย ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งที่เมืองวิญ ประเทศเวียดนามแล้ว โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชัน ก่อนเข้าสู่ สปป.ลาว และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของไทยเช้าวันที่ 26 สิงหาคม 2568 และอ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณจังหวัดน่านในช่วงเย็นวันเดียวกัน

พื้นที่เสี่ยงฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุคาจิกิ

พายุคาจิกิส่งผลให้ ภาคเหนือ และภาคอีสานตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง โดยเฉพาะจังหวัดที่ใกล้เส้นทางพายุ ได้แก่ บึงกาฬ หนองคาย นครพนม สกลนคร อุดรธานี เลย น่าน พะเยา แพร่ เชียงราย ลำปาง และอุตรดิตถ์ ส่วนภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้รับผลกระทบทางอ้อม

พื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบฝนหนักถึงหนักมาก ได้แก่

• 25 ส.ค. 68: ภาคเหนือ (เชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ฯลฯ), ภาคอีสาน (เลย นครพนม มุกดาหาร ฯลฯ), ภาคกลาง (ลพบุรี กาญจนบุรี สมุทรสาคร ฯลฯ), กรุงเทพฯ และปริมณฑล, ภาคตะวันออก (จันทบุรี ตราด), ภาคใต้ (เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ฯลฯ)
• 26 ส.ค. 68: ขยายวงกว้างครอบคลุม ภาคเหนือ (เชียงใหม่ ลำพูน สุโขทัย ฯลฯ), ภาคอีสาน (ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ ฯลฯ), ภาคกลาง (นครสวรรค์ อุทัยธานี ฯลฯ), กรุงเทพฯ และปริมณฑล, ภาคตะวันออก (ระยอง ตราด), ภาคใต้ (สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต ฯลฯ)
• 27 ส.ค. 68: ฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคเหนือ (เชียงใหม่ ตาก สุโขทัย ฯลฯ), ภาคอีสานตอนบน และภาคตะวันออก (ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด)

คลื่นลมแรง ชาวเรือควรงดออกจากฝั่ง

กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า บริเวณ ทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นสูง 2–3 เมตร ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงเกิน 3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง ขณะเดียวกันประชาชนบริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกตอนบน ต้องระวังคลื่นลมซัดเข้าฝั่ง

คำแนะนำประชาชน

ระวังอันตรายจาก ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก

หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านพื้นที่ลาดเชิงเขาและทางน้ำไหลผ่าน

ติดตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาได้ที่ www.tmd.go.th หรือสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง