รีเซต

“คัลแมกี” ถล่มฟิลิปปินส์โหด ยอดเสียชีวิตพุ่งทะลุกว่า 100 ราย มุ่งถล่มเวียดนาม-ไทยต่อ

“คัลแมกี” ถล่มฟิลิปปินส์โหด ยอดเสียชีวิตพุ่งทะลุกว่า 100 ราย มุ่งถล่มเวียดนาม-ไทยต่อ
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2568 ( 10:53 )
15

ยอดผู้เสียชีวิตจากพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) ที่พัดถล่มพื้นที่ตอนกลางของฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นทะลุ 100 รายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะที่“จังหวัดเซบู” ได้รับความเสียหายหนักที่สุดจากอุทกภัยครั้งรุนแรงในรอบหลายปี


กระแสน้ำหลากที่ถูกอธิบายว่า “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ได้ไหลทะลักผ่านเมืองและชุมชนหลายแห่งในจังหวัดเซบูเมื่อวันก่อน กวาดบ้านเรือน รถยนต์ และแม้แต่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ให้จมหายไปกับสายน้ำ


“รอน รามอส” โฆษกประจำจังหวัดเซบู เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพี (AFP) ว่า เจ้าหน้าที่พบร่างผู้เสียชีวิต 35 รายในเมืองลิโลอัน หนึ่งในเขตมหานครเซบูซิตี ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตในจังหวัดเซบูเพิ่มเป็นอย่างน้อย 76 รายขณะที่บนเกาะเนกรอส ซึ่งอยู่ใกล้เคียง มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ราย และสูญหายอีก 12 ราย หลังฝนตกหนักทำให้โคลนจากภูเขาไฟคันลาออน (Kanlaon) ไหลถล่มทับบ้านเรือนในเมืองกันเลออน

พันตำรวจโทสตีเฟน โพลินาร์ จากสำนักงานตำรวจท้องถิ่น ระบุว่า การปะทุของภูเขาไฟคันลาออนเมื่อปีที่แล้วได้ทิ้งชั้นตะกอนหนาไว้บนภูเขา เมื่อเกิดฝนตกหนัก ตะกอนเหล่านั้นจึงไหลลงมาทับหมู่บ้านด้านล่าง


รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตนอกจังหวัดเซบูอีก 17 ราย รวมถึงทหาร 6 นาย ซึ่งเป็นลูกเรือเฮลิคอปเตอร์ที่ประสบอุบัติเหตุตกระหว่างภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย


ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์เผยว่า พื้นที่รอบเมืองเซบูซิตีมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงถึง 183 มิลลิเมตรภายใน 24 ชั่วโมงก่อนพายุขึ้นฝั่ง ซึ่งมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติของทั้งเดือนที่อยู่ราว 131 มิลลิเมตร


ผู้ว่าการจังหวัดเซบู “พาเมลา บาริคัวโทร” (Pamela Baricuatro) กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เหตุการณ์นี้ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” และ “สร้างความเสียหายอย่างรุนแรง” ต่อโครงสร้างพื้นฐานและชุมชน

นักวิทยาศาสตร์เตือนว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากกิจกรรมของมนุษย์ทำให้พายุทวีกำลังรุนแรงขึ้น เนื่องจากมหาสมุทรที่อุ่นขึ้นส่งผลให้ไต้ฝุ่นก่อตัวและขยายกำลังได้รวดเร็ว ขณะที่บรรยากาศที่อุ่นขึ้นสามารถกักเก็บความชื้นได้มากขึ้น จึงเกิดฝนตกหนักกว่าปกติ


โดยรวม มีประชาชนเกือบ 800,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงในเส้นทางพายุครั้งนี้เหตุโศกนาฏกรรมในเซบูยังเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสความไม่พอใจของประชาชนต่อคดีอื้อฉาว “โครงการควบคุมน้ำท่วมผี” (ghost flood-control projects) ที่ไม่มีอยู่จริง แต่ทำให้รัฐสูญเสียงบประมาณไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ


หลังจากเคลื่อนตัวออกจากฟิลิปปินส์ พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” (Kalmaegi) มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 ก่อนจะเคลื่อนขึ้นฝั่งอีกครั้งทางตอนกลางของประเทศเวียดนามในคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นคาดว่าจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วขณะเคลื่อนตัวประเทศไทยในคืนวันศุกร์ที่ 7 พ.ย.


พายุลูกนี้คาดว่าจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของภาคกลางและภาคใต้ของเวียดนาม รวมถึงภาคใต้ของลาว กัมพูชา และภาคอีสานของประเทศไทย ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน จนถึงวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน โดยบางพื้นที่อาจมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงถึง 12 นิ้ว (300 มิลลิเมตร) และอาจมากสุดถึง 24 นิ้ว (600 มิลลิเมตร) ซึ่งอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง