“คัลแมกี” ถล่มฟิลิปปินส์หนัก ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 40 กว่าราย

หลังจากพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” พัดถล่มฟิลิปปินส์ มีรายงานจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ล่าสุด ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 46 ราย ส่วนใหญ่ในจังหวัดเซบู ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตในจังหวัดนี้กว่า 21 ราย ขณะเดียวกันมีประชาชนเกือบ 400,000 คนต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เนื่องจากน้ำท่วมสูงและกระแสลมแรง
ก่อนพายุขึ้นฝั่ง พื้นที่รอบเมือง “เซบู ซิตี” เมืองเอกของจังหวัด มีปริมาณน้ำฝนสะสมมากถึง 183 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งเดือนปกติที่ 131 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระบบระบายน้ำล้นทะลักและเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายเขต
“พาเมลา บาริกัวโทร” ผู้ว่าการจังหวัดเซบู เปิดเผยว่า “สถานการณ์ที่เราเห็นในครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เราเคยคิดว่ากระแสลมคืออันตรายที่สุดจากพายุ แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงจริง ๆ คือ ‘น้ำ’ น้ำท่วมครั้งนี้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงทั้งต่อบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน”
ด้าน เจ้าหน้าที่กองทัพฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศซึ่งมีลูกเรือ 5 นาย ประสบอุบัติเหตุตกบนเกาะมินดาเนา ขณะปฏิบัติภารกิจลำเลียงสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังพื้นที่ชายฝั่งเมืองบูตูอัน เพื่อสนับสนุนภารกิจค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่ประสบภัยพายุ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานยืนยันผู้รอดชีวิตหรือรายละเอียดเพิ่มเติม
และหลังจาก พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีเคลื่อนออกจากฟิลิปปินส์ ก็คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนเหนือของเกาะ ปาลาวัน ก่อนเข้าสู่ทะเลจีนใต้ในวันที่ 5 พฤศจิกายน และอาจทวีกำลังขึ้นอีกระยะหนึ่งก่อนขึ้นฝั่งทางตอนใต้ของ เวียดนาม ในคืนวันที่ 6 พ.ย.
มีการคาดการณ์ว่าพายุจะทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายประเทศทั้งเวียดนาม, ลาวตอนใต้, กัมพูชา, และ ไทย ระหว่างวันที่ 6–8 พฤศจิกายน โดยบางพื้นที่อาจมีฝนสะสมสูงสุดถึง 300–600 มิลลิเมตร เสี่ยงน้ำท่วม ดินถล่ม และความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนลมกระโชกแรงสูงสุดอาจแตะถึง 225–240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในบางจุดของเวียดนาม
ในขณะที่ฟิลิปปินส์กำลังรับมือกับพายุคัลแมกี อีกหนึ่งพายุลูกใหม่ก็กำลังก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ทางตอนใต้ของเกาะกวม โดยถูกจัดเป็น “พายุดีเปรสชัน 32W” ซึ่งคาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็น “พายุโซนร้อนฟงวอง” ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ชื่อ “ฟงวอง” มีความหมายว่า “ฟีนิกซ์” (ยอดเขา) ตั้งชื่อโดยเขตบริหารพิเศษฮ่องกง พยากรณ์จากหลายสำนัก รวมถึงแบบจำลองของ Google DeepMind, GFS, และ ECMWF คาดว่าพายุจะเคลื่อนตัวไปทาง ตะวันตกเฉียงเหนือ และอาจพัฒนาเป็น ซูเปอร์ไต้ฝุ่นระดับ 5 ภายในวันที่ 8–9 พฤศจิกายนนี้ ก่อนเคลื่อนเข้าใกล้ ฟิลิปปินส์ตอนเหนือหรือไต้หวัน ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากพายุฟงวองทวีกำลังตามคาด พื้นที่ตอนเหนือของฟิลิปปินส์อาจได้รับผลกระทบจากฝนตกหนัก ลมแรง และน้ำท่วมฉับพลันอีกระลอก
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พายุไต้ฝุ่นทวีกำลังแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว มหาสมุทรที่อุ่นขึ้นช่วยเพิ่มพลังงานให้กับพายุ และบรรยากาศที่ร้อนชื้นสามารถกักเก็บไอน้ำได้มากกว่าเดิม ส่งผลให้ฝนตกหนักและเกิดภัยพิบัติถี่ขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
