พายุในแปซิฟิกตะวันตก มี 2 ประเทศน่าเป็นห่วงที่สุด

สำหรับแหล่งกำเนิดและพื้นที่เสี่ยงของพายุหมุนเขตร้อนที่ส่งผลต่อประเทศไทย คือบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกค่ะ โดยมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นภูมิภาคที่มีน้ำทะเลอุ่นเกือบตลอดปี (อุณหภูมิสูงกว่า 26.5 องศาเซลเซียส) เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้อากาศร้อนชื้นลอยขึ้นสูงและสร้างความกดอากาศต่ำขนาดใหญ่เหนือมหาสมุทร เมื่อมรสุมพัดผ่าน จะพัดพาความชื้นจากมหาสมุทรขึ้นไปในอากาศ ความชื้นนี้จะหมุนไปตามทิศทางการหมุนของโลก ทำให้พายุสามารถดูดซับความร้อนและสะสมพลังงานเพิ่มขึ้น เมื่อพายุเคลื่อนตัวไปยังพื้นที่ใด มันจะพัดทั้งลมและฝนไปถล่มพื้นที่นั้น โดยทั่วไป พายุหมุนเขตร้อนมักเกิดในช่วงเดือน สิงหาคม–ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ลมมรสุมพัดแรง

ภูมิภาคที่เสี่ยงต่อพายุส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ได้แก่ ประเทศ ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และบางส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งน้ำทะเลอุ่นขนาดใหญ่

สำหรับญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เสี่ยงต่อการเกิดพายุมากที่สุด ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีกระแสน้ำอุ่นพัดผ่าน และมีภูมิประเทศเป็นภูเขา ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความเร็วลมอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ มรสุมเอเชียตะวันออกยังเอื้อต่อการก่อตัวของพายุ โดยเฉลี่ยแล้ว ญี่ปุ่นมีพายุไต้ฝุ่น 26 ลูกต่อปี และมีพายุขึ้นฝั่งประมาณ 3 ลูกต่อปี

ส่วนฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงเป็นอันดับสอง โดยเฉลี่ยแล้วเผชิญพายุไต้ฝุ่น 20 ลูกต่อปี และมีพายุขึ้นฝั่งประมาณ 9 ลูกต่อปี ภูมิศาสตร์ของประเทศประกอบด้วยเกาะกว่า 7,000 เกาะ ทำให้พายุไต้ฝุ่นมีแนวโน้มขึ้นฝั่งบ่อย

สำหรับประเทศไทย มักได้รับผลกระทบจาก พายุที่เกิดจากมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก (Western Pacific) โดยพายุส่วนใหญ่เคลื่อนตัวจากฟิลิปปินส์เข้าสู่ทะเลจีนใต้ และบางลูกเคลื่อนขึ้นสู่ภาคเหนือและภาคอีสานของไทย พายุหมุนเขตร้อนมักเกิดใน ช่วงเดือนมิถุนายน–ตุลาคม ซึ่งตรงกับฤดูมรสุมฝน

จากผลการศึกษาหลายประเทศพบว่า ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นเพิ่มขึ้น 10% นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านจำนวนและความรุนแรง เนื่องจาก อุณหภูมิโลกสูงขึ้น

สำหรับพายุหมุนเขตร้อนยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่ประชาชนในหลายประเทศเอเชียต้องเผชิญ การทำความเข้าใจแหล่งกำเนิด พื้นที่เสี่ยง และแนวโน้มความรุนแรง จะช่วยให้สามารถเตรียมความพร้อม ป้องกันความเสียหาย และลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ