ผอ.พระพุทธศาสนานครพนม ไล่ไทม์ไลน์แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัด ยันมติ มส.ไม่ได้ซ้ำซ้อนตามข่าวลือ
ผอ.พระพุทธศาสนานครพนม ยันการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดไม่ซ้ำซ้อน เดินหน้าออกโฉนดให้วัดได้กรรมสิทธิ์ เผยแผนที่ตั้งวัดพระธาตุพนมฯไม่มีในแอพพ์กรมที่ดิน หวั่นเป็นปัญหาห้วงพิจารณาขึ้นมรดกโลก
จากกรณีที่มติมหาเถรสมาคม (มส.) ถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป คือ พระธรรมรัตนาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี (ฝ่ายมหานิกาย) พระเทพสารเมธี เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ฝ่ายธรรมยุต) และพระราชปริยัติสุนทร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา (ฝ่ายมหานิกาย) พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดขึ้นมาแทน และแต่งตั้งพระสังฆาธิการ จำนวน 30 รูป ทั้งนี้ ในส่วน จ.นครพนม มีข่าวลือว่ามีมติแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดนครพนมซ้อนทับรูปเดิมด้วยนั้น
ล่าสุด วันที่ 6 ตุลาคม ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ทันอินทร์อาจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า การแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดเป็นบทบาทหน้าที่ของการปกครองของฝ่ายสงฆ์ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนาของเราไม่อาจก้าวล่วงได้ สำนักงานพระพุทธศาสนาตั้งขึ้นมาเพื่อสนองงานพระสงฆ์ ไม่มีบทบาทหน้าที่ที่จะเข้าไปกำกับดูแล หรือวิพากษ์วิจารณ์ แต่ในเคสที่มีการสั่งปลด 3 เจ้าคณะจังหวัดก็เป็นบทบาทหน้าที่ของสงฆ์เอง
ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน ระบุว่า ในส่วนของนครพนมไม่มีปัญหาอะไร พระเทพวรมุนี เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ก็อายุถึง 80 ครบ 81 แล้ว ก็จะต้องตั้งให้เป็นที่ปรึกษา ซึ่งท่านก็เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 ไม่ใช่ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด เพราะประสบการณ์การทำงานมากกว่าระดับจังหวัดแล้ว จะต้องเป็นระดับภาคขึ้นไป จากนั้นเมื่อท่านได้ยกฐานะขึ้นเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 ท่านก็จะต้องแต่งตั้งรักษาการทันที เพื่อไม่ให้งานคณะสงฆ์เกิดเกียร์ว่างระหว่างการแต่งตั้ง ดังนั้น ในวันแต่งตั้งของวัดพระธาตุพนมฯ ที่ปรึกษาคณะภาค 10 ก็จะต้องมีการแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดทันที ก็คือเจ้าคุณเพชร หรือพระราชสิริวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพราะท่านก็เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดอยู่แล้ว
ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน กล่าวว่า เมื่อเป็นรองก็จะต้องขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัด โดยเป็นรักษาการไว้ก่อน พอรักษาการเสร็จ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ทางมหาเถรสมาคมก็มีมติแต่งตั้งพระราชสิริวัฒน์ วัดสว่างสุวรรณาราม ขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครพนม ดังนั้น การแต่งตั้งไม่ได้เป็นอย่างที่ลือกันแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครพนมกล่าวเพิ่มเติมว่า ภารกิจสำคัญตอนนี้ที่ต้องลงมือทำทันทีคือการออกสำรวจวัดต่างๆ ในพื้นที่ว่ามีโฉนดที่ดินแล้วหรือยัง เนื่องจากก่อนมารับตำแหน่ง ผอ.ทราบว่ามีวัดทั้งที่พระจำพรรษาและวัดร้างจำนวนมาก ไม่มีโฉนดที่ดินครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้มีชาวบ้านบางคนเข้าไปรุกล้ำแล้วไปยื่นขอออกโฉนดยึดที่ดินวัดมาเป็นของตนเอง จนกลายเป็นเรื่องพิพาทกันมายาวนานหลายสิบปี ขณะนี้ได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม รังวัดออกโฉนดให้กับวัดไปแล้วประมาณ 30 กว่าแห่ง
ว่าที่ร้อยตรี ดร.จุลสัน กล่าวว่า กรณีวัดพระธาตุพนมฯได้รับการเสนอชื่อขึ้นเป็นมรดกโลกก็เป็นเรื่องน่ายินดีเป็นอย่างมาก ได้ตรวจสอบแนวเขตที่ตั้งของวัดพระธาตุพนมฯในระบบแอพพลิเคชั่นของกรมที่ดิน ปรากฏว่าไม่พบแนวเขตที่ตั้งวัดพระธาตุพนมฯอยู่ในระบบดังกล่าว จึงประสานไปยังกรมที่ดินเพื่อให้ลงแนวเขตที่ตั้งวัดพระธาตุพนมฯ จำนวนกว่า 100 ไร่ด้วย เพราะหากคณะกรรมการมรดกโลกตรวจสอบแนวเขตที่ตั้งของวัดแล้วไม่พบอยู่ในระบบ อาจเป็นปัญหาในการขึ้นเป็นมรดกโลกได้ ซึ่งทางกรมที่ดินก็จะเร่งดำเนินการตามที่ร้องขอไว้เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จ.นครพนม มีวัดฝ่ายมหานิกาย 706 แห่ง และฝ่ายธรรมยุต 90 แห่ง รวมทั้งสิ้น 796 แห่ง แยกเป็น อำเภอเมือง 134 แห่ง, ธาตุพนม 81 แห่ง, ท่าอุเทน 89 แห่ง, นาแก 88 แห่ง, วังยาง 29 แห่ง, บ้านแพง 52 แห่ง, นาทม 21 แห่ง, ศรีสงคราม 66 แห่ง, ปลาปาก 62 แห่ง, เรณูนคร 66 แห่ง, นาหว้า 53 แห่ง, และโพนสวรรค์ 55 แห่ง