‘ไทยออยล์’ ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (PO) และผู้ถือหุ้นเดิม มุ่งสู่ ‘New Round of Growth’
นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 อนุมัติแผนปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว บริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 20,400,278,730 บาท เป็น 23,151,478,730 บาท เรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering : PO) และ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น และรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนของผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over - Allotment Agent) ตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ ไทยออยล์เตรียมพร้อมเข้าสู่ New Round of Growth ของบริษัทฯในปี พ.ศ. 2569 - 2573 ซึ่งจะเป็นช่วงที่คาดว่า โครงการสำคัญอย่าง CFP และโรงงานปิโตรเคมีแห่งที่ 2 ของ PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ซึ่งไทยออยล์เพิ่งเข้าร่วมลงทุนเมื่อปลายปี 2564 ที่ผ่านมา เปิดดำเนินงานเป็นที่เรียบร้อย ขณะเดียวกับที่อุตสาหกรรมโรงกลั่นกลับมาเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตหลัง โควิด-19 ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ไทยออยล์จะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนและมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งขึ้นพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตครั้งใหม่
ถือว่าเป็นการสานต่อรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจด้านการกลั่นน้ำมันไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์ ที่มีมูลค่าสูง กระจายความเสี่ยงการลงทุนไปยังธุรกิจที่มีความผันผวนต่ำและลงทุนในธุรกิจใหม่ที่เป็น New S - Curve ตามแนวทางการต่อยอดสู่ธุรกิจที่หลากหลายโดยอาศัยรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจหลัก (Building on Our Strong Foundation)
นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ด้านการเงินและบัญชี ของไทยออยล์ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมในการปรับโครงสร้างทางการเงินระยะยาว เพื่อเดินตามแผนกลยุทธ์หลักและสร้าง New Round of Growth ไทยออยล์จึงเตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมและนักลงทุนรายใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเสนอขายและสามารถระดมทุนได้อย่างเหมาะสมกับแผนการลงทุนที่วางไว้ อีกทั้ง โครงสร้างการเพิ่มทุนดังกล่าวจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนรายใหม่ได้ร่วมเติบโตไปพร้อมกับไทยออยล์ในอนาคตด้วย
การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของไทยออยล์ เป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering: PO) ซึ่งจะรวมถึงการเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 80% ของหุ้นสามัญในส่วนที่ออกและเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 239,235,000 หุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ซึ่งจะประกาศให้ทราบต่อไปจะได้รับการจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยจะไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้หรืออาจเป็นผลให้บริษัทฯ มีภาระหรือหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ส่วนหนึ่งนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น (Bridging Loan) ให้แก่ ปตท. และสถาบันการเงิน จากการที่ไทยออยล์เข้าลงทุนในธุรกิจโอเลฟินโดยซื้อหุ้นใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) บริษัทปิโตรเคมีขนาดใหญ่ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งภายหลังการชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของโครงสร้างเงินทุน (Capital Structure) ของไทยออยล์เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ส่วนที่เหลือจากการชำระหนี้เงินกู้ยืมในปัจจุบัน จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานหรือใช้สำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต
นายธนิก ธราวิศิษฏ์ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking and Capital Markets ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ไทยออยล์ ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 275,120,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 10 บาท เพื่อจัดสรรและเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering : PO) จำนวนไม่เกิน 239,235,000 หุ้น
นอกจากนี้ อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนโดยผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Over - Allotment Agent) เพื่อรองรับกระบวนการจัดสรรหุ้นส่วนเกินกว่าจำนวนที่จัดจำหน่าย (Over - Allotment) จำนวนไม่เกิน 35,885,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 15% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายครั้งนี้
ไทยออยล์ยังคงเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals’ พร้อมกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตและเติบโตไปพร้อมกับคนไทย พร้อมก้าวสู่องค์กร 100 ปีอย่างยั่งยืน