ราคาน้ำมันสัปดาห์นี้มีแนวโน้มขยับขึ้น รับคืบหน้าวัคซีนโควิด
วันนี้ ( 17 พ.ย.63) บมจงไทยออยล์ คาดว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 39-43 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 40-45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
โดยราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกโอเปกมีแนวโน้มขยายระยะเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีกราว 3 – 6 เดือนจากเดิมที่สิ้นสุดในปลายปีนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันที่ยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงและอุปทานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 มีความก้าวหน้ามากขึ้น ทั้งนี้กลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุม JMMC ในวันที่ 17 พ.ย.นี้ เพื่อหารือถึงสถานการณ์และแนวโน้มของตลาดน้ำมันดิบก่อนการประชุมอย่างเป็นทางการในปลายเดือน พ.ย. 63 เพื่อพิจารณาถึงนโยบายดังกล่าว นอกจากนี้ ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ราคายังคงเผชิญกับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกที่ยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่มยุโรป รวมถึง อุปทานจากลิเบียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ซึ่งปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ ได้แก่
- จับตาความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตในเร็วนี้ได้หรือไม่ โดยบริษัท Pfizer และ BioNTech ซึ่งประสบความสำเร็จในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสูงถึง 90% เตรียมจะยื่นขอใบอนุญาตต่อ FDA ของสหรัฐฯ แบบเร่งด่วนสำหรับการผลิตวัคซีนในเร็วๆ นี้ ซึ่งคาดจะรู้ผลภายในสิ้นเดือนนี้
- การประชุมระหว่างกลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตร (โอเปกพลัส) มีแนวโน้มขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบที่ระดับ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องออกไปอีก 3-6 เดือนจากเดิมที่สิ้นสุดในปี 63
- ปริมาณน้ำมันดิบในสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงหลัง หลัง S&P Global Platts คาดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังมีแนวโน้มปรับลดลงจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า รวมถึง ปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระดับจำกัด
- การผลิตและการส่งออกน้ำมันดิบของลิเบียยังคงปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุดปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.2 ล้าน และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตให้ถึงระดับ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวันในเร็วนี้
- การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกยังคงปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง นำโดยสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่มยุโรป ส่งผลให้ หลายประเทศประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งในเดือน พ.ย. นี้
- รายงานประจำเดือน พ.ย. 63 ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่าตลาดน้ำมันยังคงเผชิญกับแรงกดดันต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของอุปสงค์น้ำมันจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
- สถานการณ์เศรษฐกิจ เช่นยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือน ต.ค. 63 ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เป็นต้น
ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมา(9 - 13 พ.ย. 63) ปรับเพิ่มขึ้น 2.99 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 40.13 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับเพิ่มขึ้น 3.33 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 42.78 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 40.32 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หลังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ของบริษัท Pfizer และ BioNTech ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคมากกว่าร้อยละ 90 สูงกว่าเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ที่ราวร้อยละ 50 ถึง 60
อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดย EIA รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย. 63 ปรับเพิ่มขึ้น 4.3 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.9 ล้านบาร์เรล ซึ่งราคายังได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รวมสิทธิส่งเสริมคุณภาพชีวิต เกาะติดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทันเรื่องราวกระแสสังคม
สัมผัสประสบการณ์ข่าวได้ที่ แอปพลิเคชัน ทรูไอดี (ดาวน์โหลดเลยที่นี่!!)
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE