“รถไฟพลังงานแบตเตอรี่” ทำสถิติโลก ชาร์จครั้งเดียววิ่งไกลสุด 322 กิโลเมตร

รถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังงานแบตเตอรี่ทำสถิติโลกครั้งใหม่ เดินทางได้ไกลที่สุดด้วยการชาร์จเพียงครั้งเดียวเป็นระยะทางกว่า 200 ไมล์ หรือราว 322 กิโลเมตร ในการวิ่งข้ามคืนบนเส้นทางรถไฟทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ

เส้นทางทดสอบรถไฟพลังงานแบตเตอรี่

รถไฟขบวนนี้วิ่งจากศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟในเมืองเรดดิง (Reading Train Care Depot) ไปยังสถานีในกรุงลอนดอน และออกซฟอร์ด ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้มีการชาร์จไฟระหว่างทาง

การวิ่งแบบพิเศษใน Super Mode

เกรท เวสเทิร์น เรลเวย์ (Great Western Railway - GWR) บริษัทเดินรถไฟของอังกฤษเผยว่า รถไฟขบวนนี้วิ่งแบบ “SuperMode” หรือเป็นการวิ่งแบบประหยัดพลังงานบางส่วน เช่น ไม่ใช้ระบบทำความร้อน โดยค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปตามรางด้วยความเร็วเฉลี่ย 48-64 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าช้าสำหรับรถไฟ แต่เป็นความเร็วที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้พลังงานแบตเตอรี่ให้ได้ระยะทางสูงสุด 

ผลการทดสอบรถไฟพลังแบตเตอรี่

โดยเมื่อสิ้นสุดการเดินทาง บริษัทพบว่าแบตเตอรี่ทั้ง 6 ก้อนของรถไฟ ยังคงเหลือพลังงานอยู่ร้อยละ 22.7 ซึ่งอาจเพียงพอสำหรับการเดินทางต่อไปได้อีก ราว 96 กิโลเมตร ถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมรถไฟในสหราชอาณาจักร เพราะแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนรถไฟในอนาคต

แนวทางการต่อยอดใช้งาน

ความสำเร็จในครั้งนี้ มีความสำคัญมากกว่าเพียงแค่การบันทึกสถิติโลก เพราะจุดประสงค์หลักของการทดลองใช้งานรถไฟพลังงานแบตเตอรี่ คือการแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีนี้ สามารถนำมาใช้แทนที่รถไฟดีเซลเก่า และเป็นทางเลือกที่สะอาดกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า และมีค่าบำรุงรักษาที่ถูกกว่า

การทดลองนี้ยังแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยรถไฟที่ใช้แบตเตอรี่สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนโดยรวมได้ถึงร้อยละ 80 เมื่อเทียบกับรถไฟที่ใช้น้ำมันดีเซล

ทีมงานคาดว่ารถไฟที่ใช้พลังงานแบตเตอรี่ จะกลายเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายรถไฟในอนาคต ทั้งนี้ สถิติโลกดังกล่าวได้รับการยืนยันโดยเจ้าหน้าที่จากสมาคมการรถไฟแห่งสหราชอาณาจักร (Rail Performance Society) เป็นที่เรียบร้อย และบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาให้รถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกล 100 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง เพื่อให้บริการแก่ประชาชนในอนาคต