แพทย์เตือนสถานการณ์โควิดทั่วโลก ยังระบาดอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้น
วันนี้ (6พ.ค.64) ศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า สถานการณ์ทั่วโลก 6 พฤษภาคม 2564... อินเดียทำลายสถิติอีกครั้ง ยอดรวมทะลุ 21 ล้านคน วันเดียวติดเพิ่มกว่าสี่แสนหนึ่งหมื่นคน เสียชีวิตเกือบสี่พันคน ยอดตายต่อวันตอนนี้สูงกว่าระลอกแรกถึงสองเท่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 857,483 คน รวมแล้วตอนนี้ 155,803,052 คน ตายเพิ่มอีก 15,075 คน ยอดตายรวม 3,254,771 คน
5 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อต่อวันสูงสุดคือ อินเดีย บราซิล อเมริกา ตุรกี และฝรั่งเศส
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 44,252 คน รวม 33,319,367 คน ตายเพิ่ม 720 คน ยอดเสียชีวิตรวม 593,126 คน อัตราตาย 1.8%
อินเดีย ติดเพิ่มมากถึง 412,618 คน รวม 21,070,852 คน ตายเพิ่ม 3,982 คน ยอดเสียชีวิตรวม 230,151 คน อัตราตาย 1.1%
บราซิล ติดเพิ่ม 75,652 คน รวม 14,936,464 คน ตายเพิ่มถึง 2,791 คน ยอดเสียชีวิตรวม 414,645 คน อัตราตาย 2.8%
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 26,000 คน ยอดรวม 5,706,378 คน ตายเพิ่ม 244 คน ยอดเสียชีวิตรวม 105,631 คน อัตราตาย 1.9%
ตุรกี ติดเพิ่ม 26,476 คน รวม 4,955,594 คน ตายเพิ่ม 356 คน ยอดเสียชีวิตรวม 41,883 คน อัตราตาย 0.8%
ที่น่าสังเกตคือ ตุรกีมีจำนวนการตายสูงสุดต่อวันในระลอกสามนี้มากกว่าระลอกสองถึง 1.5 เท่า และมากกว่าระลอกแรกถึง 3.1 เท่า ในขณะที่จำนวนการติดเชื้อสูงสุดต่อวันในระลอกสามก็มากกว่าระลอกสอง 1.9 เท่า และมากกว่าระลอกแรกถึง 4.5 เท่า สถานการณ์ระบาดรุนแรงจนทำให้ต้องล็อคดาวน์เพื่อยับยั้งการระบาดครั้งนี้
ข้อมูลจาก Ourworldindata พบว่าตอนนี้ประชาชนในตุรกีได้รับวัคซีนไปอย่างน้อย 1 โดสแล้วราว 16.8% และได้รับวัคซีนครบแล้ว 11.4% โดยช่วงที่ผ่านมาใช้วัคซีน Coronavac จากจีนเป็นหลัก แต่ล่าสุดรัฐบาลตุรกีกำลังจะนำวัคซีน Pfizer/Biontech มาใช้ด้วย
อันดับ 6-10 เป็น รัสเซีย สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และเยอรมัน ส่วนใหญ่ติดกันหลักพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
แถบอเมริกาใต้ ยุโรป เอเชีย อย่างโคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงบังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เนปาล ญี่ปุ่น และมาเลเซีย ยังติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่น
แถบสแกนดิเนเวีย บอลติก และยูเรเชีย ก็มีการติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง อยู่ระดับหลักร้อยถึงพันกว่า หลายประเทศกดลงมาอยู่หลักร้อยอย่างต่อเนื่อง ยกเว้นลิธัวเนีย คาซักสถาน มองโกเลีย ยูเครน ที่ยังหลักพัน
แถบตะวันออกกลาง ประเทศส่วนใหญ่ยังติดเพิ่มหลักพันถึงหลักหมื่นอย่างต่อเนื่อง
เกาหลีใต้ และกัมพูชา ติดเพิ่มหลักร้อยถึงเกือบพัน ส่วนเวียดนาม ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่จีน นิวซีแลนด์ และฮ่องกงติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...คงต้องยอมรับว่าสถานการณ์ระบาดรุนแรงทั่วโลกในปัจจุบัน ประเทศต่างๆ ต่างก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อจัดหาอาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยสูงมาให้แก่ประชาชน เพื่อปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต และเพื่อความมั่นคงของประเทศ
หลายประเทศเคยจัดหาอาวุธไว้เดิม แต่พบว่ามีปัญหา สุดท้ายต้องจำใจจำกัดการใช้ ขายต่อ หรือบริจาค แล้วจัดหาอาวุธใหม่ที่ดีกว่าเข้ามาเสริมหรือใช้ทดแทน เพราะให้ความสำคัญกับชีวิตเป็นสำคัญ
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่าอาย เพราะสถานการณ์ระบาดและข้อมูลความรู้จากการวิจัยมีการเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากเกิดกรณีดังกล่าวขึ้น แล้วรีบจัดการแก้ไข กลับน่ายกย่องเพราะเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อทุกคนในสังคม และทำให้มีโอกาสจัดการปัญหาได้เร็วขึ้น คนก็จะลืมตาอ้าปากได้เร็วขึ้นตามลำดับ ถือเป็นการลงทุนเพื่อชีวิต ย่อมดีกว่าที่จะเกิดวิกฤติในระยะยาว
มองสถานการณ์ทั่วโลกแล้ว คงพอประเมินได้ว่า การระบาดของโควิด-19 ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องและดูรุนแรงขึ้น การจัดการต่างๆ จึงต้องแข่งกับเวลา
หัวใจสำคัญยังคงเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเสมอมา
หนึ่ง ระบบการตรวจคัดกรองโรค ควรได้รับการขยายศักยภาพให้สามารถตรวจได้อย่างครอบคลุมทุกพื้นที่ และต่อเนื่อง เป้าหมายควรตั้งไว้ให้สามารถบริการตรวจได้อย่างน้อย 2 ครั้ง/คน/ปี
สอง อาวุธที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยสูง คือหัวใจสำคัญ ยิ่งหากมีหลากหลาย เข้าถึงได้โดยทุกคน ไม่จำเป็นต้องฟรีทั้งหมด ร่วมจ่ายได้ ก็จะยิ่งทำให้มีโอกาสจัดซื้อจัดหาได้มากขึ้น ทั้งนี้ต้องมองว่าเป็นบทบาทของทุกภาคส่วนในสังคม ระบบหลักประกันสุขภาพทั้งสามระบบควรรับผิดชอบดูแลเยียวยาเวลาเกิดปัญหาอาการไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเกิดจากการบริการจากภาครัฐหรือเอกชนก็ตาม ทั้งนี้เพราะนี่คือภาวะฉุกเฉิน ต้องการทุกฝ่ายมาร่วมด้วยช่วยกันบริการ ในขณะที่การตรวจตรามาตรฐานของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่นำมาใช้เป็นอาวุธนั้นก็ล้วนมีระบบของมันอยู่แล้ว
สาม การป้องกันตัวของประชาชน จำเป็นต้องทำอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง เพราะนี่คือวิถีการปฏิบัติตัวที่พิสูจน์แล้วว่าจะปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยจากโรคระบาดของแต่ละคนได้ ทั้งเรื่องการใส่หน้ากากสองชั้น ชั้นในเป็นหน้ากากอนามัย ชั้นนอกเป็นหน้ากากผ้า การล้างมือบ่อยๆ การอยู่ห่างคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งเมตร
และที่สำคัญคือ การระบาดจะเกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก หากยังไม่สามารถทำให้รูปแบบการประกอบการของธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ นำมาตรการการป้องกันควบคุมโรคไปใช้อย่างเคร่งครัดถาวร ดังนั้นจึงต้องทบทวนแนวทางการตรวจตรา กำกับ บังคับใช้กฎหมาย รวมถึงการหาทางคิดรูปแบบบริการค้าขายต่างๆ ในแนวใหม่ ที่จะลดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อติดเชื้อในอนาคต
เหล่านี้คือสิ่งที่ควรนำไปพิจารณา เพื่อวางแผนจัดการ
เราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้หากร่วมแรงร่วมใจกัน และช่วยเหลือแบ่งปันแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากจากการระบาดนี้
ด้วยรักและห่วงใย