รีเซต

โลกใกล้ถึงจุดเปลี่ยน! พลังงานสะอาดครองอนาคต UN ชี้พลังงานฟอสซิลเริ่มไร้ที่ยืน

โลกใกล้ถึงจุดเปลี่ยน! พลังงานสะอาดครองอนาคต UN ชี้พลังงานฟอสซิลเริ่มไร้ที่ยืน
TNN ช่อง16
23 กรกฎาคม 2568 ( 11:30 )
12

โลกกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ หลังจากการใช้ “พลังงานฟอสซิล” เริ่มสูญเสียความได้เปรียบทางเศรษฐกิจและความมั่นคงทางพลังงาน ขณะเดียวกัน “พลังงานหมุนเวียน” กลับกลายเป็นทางเลือกที่ทั้งถูกกว่า เสถียรกว่า และยั่งยืนกว่า


รายงานล่าสุดจาก องค์การพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ (IRENA) ระบุว่า กว่า 90% ของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก ในปัจจุบัน มีต้นทุนต่ำกว่าการผลิตจากพลังงานฟอสซิล โดยพลังงานแสงอาทิตย์มีต้นทุนถูกกว่าพลังงานฟอสซิลประเภทที่ถูกที่สุดถึง 41% ขณะที่พลังงานลมบนบกมีต้นทุนต่ำกว่ากว่าครึ่ง


การลดต้นทุนอย่างรวดเร็วนี้เกิดจากการขยายตัวของเทคโนโลยีพลังงานสะอาดอย่างกว้างขวาง การลงทุนระดับมหาศาลในอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงการผลิตต้นทุนต่ำจากจีน โดยในปีที่ผ่านมา เม็ดเงินลงทุนในพลังงานสะอาดแตะระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าพลังงานฟอสซิลถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ด้าน “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวที่นครนิวยอร์กว่า “เรากำลังยืนอยู่บนขอบของยุคใหม่ พลังงานฟอสซิลกำลังหมดหนทางดําเนินต่อไป ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสงให้กับยุคพลังงานสะอาด” พร้อมทั้งระบุว่า พลังงานหมุนเวียนไม่เพียงเป็นทางเลือกที่ประหยัด แต่ยังเป็นคำตอบของความมั่นคงด้านพลังงานท่ามกลางวิกฤตราคาค่าครองชีพทั่วโลก ซึ่งภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในวันนี้ คือ พลังงานฟอสซิล เพราะมันทำให้เศรษฐกิจและประชาชนต้องเผชิญกับราคาที่ผันผวน การขาดแคลน และความไม่แน่นอนจากการเมืองระหว่างประเทศ” เขากล่าว “แสงแดดไม่มีราคา และลมไม่สามารถถูกคว่ำบาตรได้”


อย่างไรก็ตาม แม้แนวโน้มด้านพลังงานสะอาดจะสดใส แต่รายงานเตือนว่าความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากการใช้งานเครื่องปรับอากาศในพื้นที่ที่อุณหภูมิสูงขึ้นเกินระดับที่มนุษย์สามารถทนได้ และจากศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ที่สนับสนุนระบบ AI หากยังปล่อยให้พลังงานฟอสซิลเป็นแหล่งพลังงานหลักในส่วนนี้ ก็จะเป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้อยู่ในระดับไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตามเป้าหมายของข้อตกลงปารีส เลขาธิการ UN จึงเรียกร้องให้บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ทั่วโลกหันมาใช้พลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานสะอาดทั้งหมดภายในปี 2030

ทุกประเทศภายใต้ข้อตกลงปารีสปี 2015 มีภารกิจต้องเสนอแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกฉบับใหม่ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งกูเตอร์เรสระบุว่า นี่คือโอกาสสำคัญที่ประเทศต่าง ๆ จะ “เบนเข็มการลงทุนไปสู่พลังงานสะอาด” แทนที่จะยังคงอุดหนุนพลังงานฟอสซิลที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี “การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่มันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของพลังงาน และความมั่นคงของประชาชน มันคือเศรษฐศาสตร์ที่ฉลาด” เขากล่าว พร้อมประกาศว่า “เราเดินเลยจุดที่ไม่สามารถหันกลับไปใช้ฟอสซิลเป็นหลักได้อีกแล้ว”


อย่างไรก็ตาม แม้ต้นทุนพลังงานสะอาดจะลดลงอย่างมาก แต่รายงานของ IRENA และ UN เตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานไฟฟ้า โดยเฉพาะโครงข่ายสายส่ง ยังตามไม่ทันการผลิตพลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะนี้สำหรับการลงทุนทุก 36 บาท ในการผลิตพลังงาน จะมีการลงทุนในระบบสายส่งเพียง 21.60 บาท เท่านั้น ทั้งที่ควรลงทุนในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ


ขณะเดียวกัน ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ความตึงเครียดระหว่างประเทศ มาตรการภาษี และปัญหาแร่หายากที่จำเป็นต่อการผลิตอุปกรณ์พลังงานสะอาด อาจกลายเป็นอุปสรรคในการเร่งเปลี่ยนผ่าน


ด้าน “บิล แฮร์” ซีอีโอของ Climate Analytics กล่าวว่า “การลงทุนใหม่ในพลังงานฟอสซิลคือการเดิมพันที่ผิดพลาด ขณะที่การเร่งเดินหน้าสู่พลังงานสะอาดจะนำผลลัพธ์ที่ดี ทั้งในด้านงาน ราคาไฟฟ้าที่เสถียร และความเป็นอิสระด้านพลังงาน” โดยเฉพาะในภูมิภาคกำลังพัฒนาอย่างแอฟริกา ที่มีศักยภาพด้านพลังงานสะอาดสูงมากแต่ยังขาดเงินทุนจากต่างประเทศ


ส่วน “เคย์ซี บราวน์” จาก E3G Think Tank ระบุว่า “ตอนนี้โลกมีทั้งเทคโนโลยี และแรงจูงใจทางเศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่ขาดคือผู้นำที่กล้าตัดสินใจ และความร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น” พร้อมเรียกร้องให้ทุกประเทศเตรียมแผนด้านสภาพภูมิอากาศให้พร้อม ก่อนเข้าสู่การประชุมสุดยอด COP30 ที่บราซิลในเดือนพฤศจิกายนนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง