เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (30 พ.ค. 2565)

ประธานาธิบดีเซอร์เบีย แถลงบรรลุข้อตกลงซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียต่ออีก 3 ปี หลังสัญญาซื้อขายเดิม อายุ 10 ปี จะสิ้นสุดปลายเดือนนี้

เรื่องนี้เปิดเผยโดยประธานาธิบดีอเลกซานเดอร์ วูซิซ ของเซอร์เบีย ที่แถลงเมื่อวันอาทิตย์ (29 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย และเห็นชอบทำข้อตกลงซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียนาน 3 ปี

วูซิซที่เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดมากที่สุดของนายปูตินในยุโรป ระบุด้วยว่า เซอร์เบียได้ตกลงเรื่องราคาก๊าซธรรมชาติกับรัสเซียว่า จะผูกอยู่กับราคาน้ำมัน ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ จะเป็นการพุดคุยกับ ก๊าซพรอม บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของรัสเซียต่อไป

การเจรจาซื้อขายก๊าซจากรัสเซียมีขึ้น ขณะสัญญาซื้อขายก๊าซนาน 10 ปี ของเซอร์เบีย กับบริษัทก๊าซพรอมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ โดยวูซิซยังได้หารือกับนายปูตินเรื่องการขยายพื้นที่จัดเก็บก๊าซในเซอร์เบียด้วย แต่ไม่ได้พูดลงรายละเอียดที่ชัดเจน
เซอร์เบีย ที่มีเป้าหมายเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภาพยุโรป หรือ EU ตกอยู่ภายใต้การกดดันจากกลุ่มประเทศตะวันตก เพื่อให้เซอร์เบียสนับสนุนนโยบายด้านต่างประเทศของ EU และบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่เซอร์เบียยังไม่สนับสนุนแนวทางของ EU เพราะยังต้องพึ่งพาภาคพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเป็นหลัก

ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีเรียกร้องประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เปิดเจรจาตรงกับเซเลนสกี ยุติความขัดแย้ง 

ทำเนียบเครมลิน แถลงว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย พูดคุยทางโทรศัพท์กับผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนี ในวันเสาร์ (28 พฤษภาคม) ว่า รัสเซียพร้อมหารือแนวทางความเป็นไปได้ที่จะให้ยูเครนกลับมาส่งธัญพืชออกจากท่าเรือในทะเลดำได้อีกครั้ง 
โดยปูตินได้แจ้งต่อประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ของเยอรมนีว่า รัสเซียพร้อมเพิ่มการส่งออกปุ๋ยและสินค้าทางการเกษตร หากมาตรการคว่ำบาตรถูกยกเลิก ซึ่งก็เป็นข้อเรียกร้องหนึ่งที่ปูตินหยิบยกขึ้นมาหารือ กับผู้นำอิตาลีและออสเตรียด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อน

ยูเครนและชาติตะวันตก กล่าวหารัสเซียว่า ใช้วิกฤตอาหารเป็นอาวุธในความขัดแย้งกับยูเครน ซึ่งส่งผลให้ราคาธัญพืช, น้ำมันประกอบอาหาร, เชื้อเพลิงและปุ๋ย พุ่งสูงขึ้น ขณะที่รัสเซียตำหนิสถานการณ์ดังกล่าวว่า เป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซีย และการวางทุ่นระเบิดที่เมืองท่าหลายแห่งของยูเครน  

ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนครองส่วนแบ่งตลาดข้าวสาลีทั่วโลกเกือบ 1 ใน 3 ขณะที่รัสเซียยังเป็นผู้ส่งออกปุ๋ยที่สำคัญของโลก และยูเครนเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ข้าวโพดและน้ำมันทานตะวัน

นอกจากนี้ ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนียังได้เรียกร้องให้ประธานาธิบดีปูติน เปิดการเจรจาโดยตรงและจริงจังกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระหว่างการหารือกันทางโทรศัพท์นาน 80 นาที ซึ่งมาครงและโชลซ์ยืนยันให้รัสเซียหยุดยิงทันที และถอนทหาร อีกทั้งยังเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักรบยูเครน 2,500 คน ที่ถูกจับเป็นเชลยศึกที่โรงงานเหล็กอาซอฟสตาล ในเมืองมารีอูโปล
ส่วนปูติน กล่าวว่า รัสเซียเปิดกว้างในการฟื้นการเจรจากับทางยูเครน ตามรายงานของทำเนียบเครมลิน แต่ไม่ได้อ้างถึงความเป็นไปได้ในการเจรจากันโดยตรงระหว่างปูตินและเซเลนสกี

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า เขาไม่ปรารถนาที่จะเจรจา แต่ก็กล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาจะเป็นสิ่งจำเป็นในการยุติความขัดแย้ง

อย่างไรก็ตาม คณะผู้แทนเจรจาของรัสเซียและยูเครน จัดการหารือกันหลายรอบทั้งทางออนไลน์และส่วนตัว ตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ความพยายามก็ไม่ประสบความสำเร็จ