เม็ดยากำจัดมะเร็ง สร้างสารธรรมชาติจัดการเนื้อร้ายภายใน 6 วัน !!
หนึ่งในความท้าทายสำหรับการรักษาโรคมะเร็ง คือ การนำพาตัวยาเข้าถึงก้อนเนื้อร้ายในปริมาณที่เหมาะสมและตรงจุดมากที่สุด แม้ปัจจุบันยาต้านมะเร็งจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ผู้ป่วยบางรายอาจพบผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากยาอยู่บ่อยครั้ง นักวิทยาศาสตร์จึงพยายามคิดค้นตัวยาที่สามารถออกฤทธิ์ในจุดที่มีก้อนมะเร็งให้ได้มากที่สุด และไม่รบกวนพื้นที่รอบข้างรวมถึงอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยไรซ์ ได้คิดค้นการให้ยาต้านมะเร็งรูปแบบใหม่ โดยจะไม่ใช่การให้ยาแบบรับประทานหรือแบบฉีดดังเช่นที่ใช้กันในปัจจุบัน หากแต่เป็นยารูปแบบเม็ดฝังที่มีลักษณะคล้ายหัวเข็มหมุด ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกยาชนิดนี้ว่า "Drug factory" หรือโรงงานผลิตยา
ทั้งนี้ Drug factory มิได้เป็นตัวยาที่สามารถออกฤทธิ์ต้านมะเร็งเสียทีเดียว แต่ภายในก้อนกลม ๆ ที่เห็นนี้จะประกอบด้วยเซลล์ที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมให้สามารถสร้างสารชื่อว่า อินเทอร์ลิวคิน-2 (Interleukin-2) ซึ่งเป็นสารที่เม็ดเลือดขาวในร่างกายมนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้กำจัดเซลล์มะเร็ง แน่นอนว่าเซลล์ที่ถูกปรับแต่งพันธุกรรมใน Drug factory จะสามารถสร้างสารชนิดนี้ได้มากเป็นพิเศษ และมากพอที่จะทำลายก้อนมะเร็งที่ก่อตัวขึ้นในร่างกายของผู้ป่วยได้ (นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ โรงงานผลิตยา)
นักวิทยาศาสตร์นำ Drug factory นี้ไปฝังไว้ในเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum) ของหนูทดลองที่เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งรังไข่ โดยฝังในจุดที่เยื่อบุอยู่ใกล้กับก้อนมะเร็งให้มากที่สุด ผลปรากฏว่าเม็ดยาสามารถกำจัดก้อนมะเร็งได้ภายใน 6 วัน !! (กำจัดมะเร็งรังไข่ได้ 100% ในขณะที่มะเร็งลำไส้กำจัดได้ 87.5% จากจำนวนสัตว์ทดลองทั้งหมด)
นอกจากนี้จากการติดตามปริมาณของอินเทอร์ลิวคิน-2 และผลข้างเคียงจากยา พบว่าบริเวณที่มีก้อนมะเร็งจะตรวจพบว่ามีสารอินเทอร์ลิวคิน-2 เข้มข้นสูง แต่แทบจะไม่พบสารนี้ในบริเวณอื่น ๆ ดังนั้น เซลล์ปกติของร่างกายจึงไม่ได้รับผลกระทบจากสารอินเทอร์ลิวคิน-2
สำหรับเปลือกนอกของ Drug factory ไม่ได้มีบทบาทเพียงแค่เป็นส่วนปกป้องเซลล์ผลิตอินเทอร์ลิวคิน-2 เท่านั้น แต่ยังสามารถกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้เข้ามาทำลายเม็ดยาในภายใน 30 วัน ซึ่งนี่คือการป้องกันไม่ให้เม็ดยาคงอยู่และสร้างสารกำจัดมะเร็งเกินความจำเป็น นับเป็นวิธีการอันชาญฉลาดในการกำจัดเม็ดยาตามธรรมชาติ และถ้าหากก้อนมะเร็งยังหลงเหลืออยู่ก็สามารถฝังเม็ดยาเข้าไปใหม่ได้เช่นกัน
Drug factory ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดก่อนนำมาใช้ในมนุษย์ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์คาดว่าการรักษานี้จะเริ่มนำมาทดลองในมนุษย์ได้ภายในปลายปี 2022 นี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก New Atlas