รีเซต

ว.0 พิทักษ์ 1 ท้าทายอำนาจท้องถิ่น

ว.0 พิทักษ์ 1 ท้าทายอำนาจท้องถิ่น
TNN ช่อง16
13 พฤษภาคม 2568 ( 09:57 )
10

ว.0 พิทักษ์ 1 ท้าทายอำนาจท้องถิ่น

คำสั่งกลางที่ไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่คือบททดสอบรัฐธรรมนูญในพื้นที่

เมื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติออกคำสั่งรหัส “ว.0 พิทักษ์ 1” ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีผู้ก่อเหตุทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนภายในหน่วยเลือกตั้งจังหวัดสงขลาแบบ “เด็ดขาด รวดเร็ว และไร้การละเว้น” คำสั่งนั้นไม่ได้มีผลแค่ทางกฎหมาย แต่กำลังเปลี่ยนเป็นบทพิสูจน์ความกล้าของรัฐไทย ว่าจะสามารถบังคับใช้กฎหมายเหนือโครงสร้างอำนาจท้องถิ่นที่หยั่งรากลึกได้จริงหรือไม่

หน่วยเลือกตั้งไม่ควรเป็นพื้นที่ไร้กติกา

เหตุการณ์ที่มากกว่าคดีอาญา คือสัญญาณของแรงต้านรัฐในพื้นที่

ด.ต.นิสาธิต คงเทพ เจ้าหน้าที่ ตชด. ถูกทำร้ายหลังเข้าไปห้ามผู้ถ่ายภาพในเขตหวงห้ามของหน่วยเลือกตั้ง เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นการรุมทำร้ายโดยบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เชื่อมโยงกับผู้มีบทบาททางการเมืองท้องถิ่น

การใช้ความรุนแรงในสถานที่ที่ควรเป็นพื้นที่ของประชาธิปไตย ไม่เพียงตั้งคำถามต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย แต่ยังสะท้อนพลวัตของอำนาจในพื้นที่ ที่บางครั้งกติกากลางอาจถูกแทรกด้วยอิทธิพลนอกระบบ

คำสั่งที่มีเดิมพันกับศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรม

“ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย” คือวาทกรรม หรือจะกลายเป็นจริง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุชัดว่า “จะทำตัวเป็นกลุ่มผู้มีอำนาจเหนือกฎหมายไม่ได้ ทุกคนต้องเคารพและอยู่ภายใต้กฎ กติกา กฎหมายของบ้านเมือง” พร้อมสั่งให้เร่งจับกุมผู้เกี่ยวข้องทุกคน

ขณะที่ พล.ต.อ.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่กำกับการสืบสวนด้วยตนเอง พร้อมยืนยันว่า การบังคับใช้กฎหมายในคดีนี้จะไม่มีการเลือกปฏิบัติ ไม่ละเว้น และจะตรวจสอบความเชื่อมโยงในทุกมิติ

จากคำสั่งกลางสู่บททดสอบโครงสร้างท้องถิ่น

อิทธิพลท้องถิ่นคือเรื่องต้องยอมรับ หรือปัญหาที่ต้องจัดการ

เหตุการณ์ครั้งนี้กำลังเปิดบทสนทนาใหม่ว่า รัฐไทยสามารถ “ควบคุม” พื้นที่ได้มากเพียงใด โดยเฉพาะในเขตที่อิทธิพลท้องถิ่นมีความเข้มข้น ไม่ใช่แค่ในเชิงการเมือง แต่รวมถึงโครงสร้างสังคม เครือข่ายเศรษฐกิจ และสายสัมพันธ์เชิงอำนาจ

คำถามที่สังคมเฝ้ามองไม่ใช่แค่เรื่องการจับกุมผู้ต้องหา แต่คือการขยายผลไปยังโครงข่ายที่อาจสนับสนุนหรือเอื้อให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ และการวัดผลว่า ตำรวจสามารถดำเนินการได้จริงตามคำสั่ง โดยไม่ถูกแรงต้านกลับมาในภายหลัง

ความเงียบจะไม่ใช่ทางออก

เมื่อสังคมกำลังจับตา รัฐต้องยืนยันศักดิ์ศรีด้วยการลงมือ

คำสั่งจาก ผบ.ตร. ในครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การจัดการคดีเฉพาะหน้า แต่คือ “เครื่องวัด” ว่าระบบยุติธรรมไทยจะสามารถยืนอยู่ได้อย่างมั่นคงในพื้นที่ที่ซับซ้อนทางอำนาจ

หากรัฐสามารถนำคดีนี้ไปสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติ หรือการต่อรองผลประโยชน์เบื้องหลัง ก็จะช่วยเรียกศรัทธากลับคืนสู่กระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนกำลังตั้งคำถาม

แต่หากทุกอย่างจบลงเพียงแค่ “การจับกุมเพื่อให้ผ่านพ้นแรงกดดัน” โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ความเงียบในตอนจบ อาจยิ่งทำลายศักดิ์ศรีของรัฐมากกว่าคำพูดใด ๆ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง