รีเซต

ประเมินกรอบ SET พ.ค. 1,535-1,620 จุด แนะ SCC-JWD

ประเมินกรอบ SET พ.ค. 1,535-1,620 จุด แนะ SCC-JWD
ทันหุ้น
5 พฤษภาคม 2564 ( 06:30 )
120

กลยุทธ์หารลงทุนเดือนพ.ค. ช่วงแรกแนะ Global play (STA, SCC, SCGP, IVL) ช่วงหลังแนะกลับมาซื้อ Domestic play (SCB, KKP, JMT) และ ประเมินกรอบ 1,535-1,620

 

- วันจันทร์ ติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (เม.ย.) US ตลาดคาด -64.9, รายจ่ายในภาคการก่อสร้าง (Construction Spending) (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.) US ตลาดคาด 2.0%

 

- วันอังคารติดตาม ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin (เม.ย.) ตลาดคาด 50.8, ยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงาน (เดือนต่อเดือน) (มี.ค.) US ตลาดคาด 2.0%

 

- วันพุธติดตาม ดัชนี PMI ภาคการบริการจากสถาบันไอเอสเอ็ม (ISM) (เม.ย.) US ตลาดคาด 64.0

 

- วันพฤหัสติดตาม ผลิตภาพนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Productivity) (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 1)US ตลาดคาด -2.8%

 

- วันศุกร์ติดตาม รายงานการส่งสินค้าออกของจีน (ปีต่อปี) (เม.ย.) ตลาดคาด 35.5%, ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีน (ดอลลาร์สหรัฐ) (เม.ย.) ตลาดคาด 3.190T, ปริมาณการนำเข้าสินค้าของจีน (ปีต่อปี) (เม.ย.) ตลาดคาด 23.3%

 

ภาพรวมการลงทุนเดือนเมษายนที่ผ่านมาพบว่า SET ผันผวนสูงกรอบ 1,540-1,600จุด เป็นผลจากการระบาดระลอกสาม ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันเร่งตัวทำระดับสูงสุดที่ 2,839ราย รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมรายเดือน 34,500ราย สูงกว่ายอดรวมของผู้ติดเชื้อระลอกหนึ่งและสองรวมกัน โดยกลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์, ปิโตรเคมี และอิเล็กทรอนิกส์ให้ผลตอบแทนสูงสุด ในขณะที่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกนี้อย่าง Domestic play เผชิญแรงขายระดับ 5-10% นำโดยกลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีก และอสังหา ในขณะที่นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติขายรวมกันสูงกว่า 2.0หมื่นล้านบาท สำหรับเศรษฐกิจ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ปรับลดประมาณการ GDP(%) ปีนี้ลงเป็น 1.8% จากระดับ 2.6% โดยเฉพาะภาคการบริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยว

 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือนพ.ค. สำหรับช่วงครึ่งเดือนแรก หากอิงจากการคาดการณ์ผลประกอบการ และ การทยอยรายงานผลประกอบการกลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และ สินค้าโภคภัณฑ์ เราประเมินว่าส่วนใหญ่จะออกมาในเกณฑ์ที่ดี ในขณะที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตต่อเนื่องใน 2Q21 และหากอิงจากการปรับประมาณการ EPS2021 ขึ้น 8%YTD มาจากการปรับประมาณการกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี อิเล็กทรอนิกส์ ในระดับ 7-34% นอกเหนือจากผลกระทบที่จำกัดจากการระบาดระลอกสองแล้ว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกภายหลังที่มีการทยอยฉีดวัคซีนสร้าง pent up demand ในขณะที่ฝั่ง Supply ส่วนใหญ่ยังฟื้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะจากปัญหาค่าเดินเรือ หรือ Freight rate ที่ปรับขึ้นกว่า 100% และยังยืนในระดับสูง ฉะนั้นในระหว่างที่เรารอดูตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อภายหลังรัฐบาลขยายเวลาการ lockdown เพิ่มอีก 2 สัปดาห์ และหากอิงจาก Spread ในฝั่งปิโตรเคมี นำโดย PE, PP, PET, และอื่นๆ เป็นผลให้เราคาดว่าราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะปรับตัว sideway up ได้ เราแนะนักลงทุนเก็งกำไรกลุ่มดังกล่าวรวมถึงกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ นำโดย STA, SCC, SCGP, IVL

 

และสำหรับช่วงครึ่งเดือนหลัง ล่าสุดที่ประชุมศบค. มีมติยกระดับการล็อคดาว์นโดยเฉพาะ 6 จังหวัดอย่าง กทม นนทบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และ สมุทรปราการ ซึ่งถือเป็นจังหวัดสำคัญที่ส่งผลต่อภาคบริการเมื่อเทียบกับ GDP (%) ทั้งประเทศ เบื้องต้นเราประเมินว่าจะเป็นปัจจัยกดดันกลุ่ม Domestic play อย่างไรก็ตามมาตราการที่เข้มงวดดังกล่าวดังกล่าวจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาด ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนละเปิดโอกาสในการทยอยสะสมกลุ่มธนาคารและการเงินอีกครั้ง (SCB, KKP, JMT)

 

กลยุทธ์การลงทุนเดือนพ.ค. ช่วงแรกแนะ Global play (พลังงาน ปิโตรเคมี และยาง) ช่วงหลังแนะกลับมาซื้อ Domestic play (ธนาคาร การเงิน) ประเมินกรอบ 1,535-1,620

 

ครึ่งเดือนแรก อิงจากการคาดการณ์ผลประกอบการ และ การทยอยรายงานผลประกอบการกลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี และ สินค้าโภคภัณฑ์ เราประเมินว่าส่วนใหญ่จะออกมาในเกณฑ์ที่ดี เราแนะนำ STA (พื้นฐาน 55.00 บาท), SCC(พื้นฐาน 515.00 บาท), SCGP(พื้นฐาน 62.00 บาท), IVL(พื้นฐาน 53.50 บาท)

 

ครึ่งเดือนหลัง มาตราการที่เข้มงวดดังกล่าวดังกล่าวจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาด ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยลดจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันได้ในช่วงครึ่งเดือนหลังของเดือนละเปิดโอกาสในการทยอยสะสมกลุ่มธนาคารและการเงินอีกครั้ง แนะนำ SCB (พื้นฐาน 117.00 บาท) KKP (พื้นฐาน 72.00 บาท) JMT(พื้นฐาน 48.00 บาท)

 

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์หน้า

SCC (พื้นฐาน 425.00 บาท)

JWD (พื้นฐาน 10.00 บาท)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง