รีเซต

6 ขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถยนต์แบบถูกวิธี ลดค่างวดต่อเดือนได้

6 ขั้นตอนรีไฟแนนซ์รถยนต์แบบถูกวิธี ลดค่างวดต่อเดือนได้
TNN ช่อง16
23 กันยายน 2563 ( 11:09 )
23.7K

        ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา หลายคนอาจจะมีปัญหาการใช้จ่ายติดขัด มีภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้ง หมุนแล้วหมุนอีกก็ยังไม่พอใช้จ่าย การรีไฟแนนซ์จึงเป็นทางออกที่ช่วยบรรเทาภาระแบบชั่วคราว ได้ เพราะจะช่วยลดต้นทุนการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ยังมีภาระหนี้เหลือไม่น้อยกว่า  3-5 ปี สามารถทำการปรับเปลี่ยนแหล่งเงินกู้หรือธนาคาร เพื่อให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำกว่าเดิมได้ด้วย

        การรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนให้ผ่อนหนักเป็นเบาลง  โดยการนำเอารถยนต์มาเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันเงินกู้ เหมือนกับการออกรถป้ายแดงในตอนแรก 


Cr:Pixabay

       แต่การทำรีไฟแนนซ์รถยนต์ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นจึงต้องพิจารณาให้ดีก่อนจะตัดสินใจยื่นของสินเชื่อรีไฟแนนซ์กับธนาคาร

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ 

    1. ช่วยให้เงินผ่อนต่องวด/เดือน น้อยลง

    2. ได้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งใหม่ที่ลดลง

    และ 3. มีโอกาสได้เงินส่วนต่าง เพื่อนำมาใช้จ่ายฉุกเฉินได้

ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ 

    1.ทำให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น

    2.มีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินการรีไฟแนนซ์ใหม่

    3.บางกรณีอาจมีค่าปรับในการไถ่ถอนก่อนกำหนด

    4.มีความยุ่งยากในการเตรียมเอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้


Cr:Pixabay

รถอะไรที่สามารถยื่นรีไฟแนนซ์ได้-รถยังผ่อนไม่หมดทำได้ไหม?

       ประเภทของรถที่สามารถนำมารีไฟแนนซ์ได้ จะมีตั้งแต่รถเก๋ง 4 ประตู, 5 ประตู, อเนกประสงค์ SUV, รถกระบะตอนเดียว, มีแคป หรือ 4 ประตู  สามารถรีไฟแนนซ์ได้หมด (ยกเว้น TATA, Proton, KIA (รุ่น Carnival)  ซึ่งเป็นข้อกำหนดของทางธนาคาร)

        ส่วนข้อสงสัยว่า "ถ้ารถยังผ่อนไม่หมดล่ะ รีไฟแนนซ์ได้ไหม?"  คำตอบก็คือ "ได้"  แต่สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถที่ยังผ่อนไม่หมดก็คือ  ยอดปิดจากไฟแนนซ์ที่เก่าต้องมีน้อยกว่ายอดจัดของไฟแนนซ์ที่ใหม่  ตัวอย่างเช่น หากรถมียอดค้างกับไฟแนนซ์ที่เก่าอยู่ 200,000 บาท เมื่อรีไฟแนนซ์ยอดจัดที่ใหม่จะต้องมากกว่า 200,000 บาท ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินแต่ละที่กำหนดไว้ด้วย     

6 ขั้นตอนการยื่นรีไฟแนนซ์รถยนต์ 

         เมื่อพิจารณาข้อมูลและเช็กสถานะทางการเงินของตนเองแล้วว่า ยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำรีไฟแนนซ์  ก็ถึงเวลาที่จะต้องศึกษาข้อมูลการให้สินเชื่อถ้าจะให้ดีคือควรไปปรึกษากับธนาคารโดยตรง ซึ่งอาจจะเริ่มจากการปรึกษากับธนาคารเดิมที่เราเป็นหนี้อยู่  โดยขั้นตอนของการยื่นขอทำรีไฟแนนซ์ที่ผู้กู้ควรรู้ ได้แก่ 

        1. หากเป็นรถที่ผ่อนชำระหมดแล้วให้ตรวจสอบรถของเราก่อน ว่าสามารถนำมารีไฟแนนซ์ได้หรือไม่ และราคากลางอยู่ที่ประมาณเท่าไร

        2. ก่อนที่จะทำการปิดบัญชีสินเชื่อเดิม เพื่อนำรถไปทำการขอสินเชื่อใหม่ หรือรีไฟแนนซ์ จะต้องทำการคำนวณก่อนว่าดอกเบี้ยคงเหลือตามสัญญากู้เดิม เมื่อหักส่วนต่างกับดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นจากการกู้ใหม่ คุ้มค่าหรือไม่ ถ้าคุ้มค่าค่อยทำเรื่องกู้

        3. ตรวจสอบความสามารถในการผ่อนชำระ ว่าสามารถผ่อนชำระค่างวดได้ตลอดจนสิ้นสุดหรือไม่ หากมั่นใจว่า สามารถวางแผนในการผ่อนชำระค่างวดได้ ก็สามารถติดต่อกับธนาคารต่าง ๆ ได้ทันที

        4. เตรียมเอกสารให้ครบก่อนส่ง สำหรับเอกสารเหล่านี้ส่งเพื่อให้ระบบตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรและ เป็นตัวช่วยในการอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งการเตรียมเอกสาร ถ้าเตรียมไม่ครบ ก็จะยิ่งเสียเวลามากขึ้น โดยเอกสารที่ต้องเตรียม ได้แก่ 

        1. สำเนาบัตรประชาชน

        2. สำเนาทะเบียนบ้าน

        3.สำเนาเล่มทะเบียนรถ

        4. หลักฐานที่มาของรายได้ทั้งหมด



        5. เมื่อทราบผล เราจะได้รับทำการปิดบัญชีและรับเงินส่วนที่เหลือจากสถาบันการเงินใหม่ทันทีในวันนั้น เลย โดยไม่ต้องรอเล่มออกมาจากไฟแนนซ์เดิม

        6. เมื่อได้รับเล่มมาแล้ว เราต้องส่งให้กับสถาบันการเงินที่ใหม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามขั้นตอน จากนั้นสถาบันการเงินที่ใหม่จะโทรหาเราเพื่อแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการผ่อนชำระหนี้ต่อไป ก็เป็นอันว่าจบทุกขั้นตอน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 เปิดข้อมูล 3 แบงก์!รีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้านพร้อมเพิ่มวงเงินได้ด้วย

 ส่องมาตรการพักชำระหนี้ 7 แบงก์ ยืดเวลาช่วยอีกนานแค่ไหน?

 หนี้ท่วมใช่ไหม?ปรับโครงสร้างหนี้เถอะ ช่วยให้จ่ายต่อเดือนสบายขึ้น!

 เช็กก่อน!ข้อดี-ข้อเสีย รีไฟแนนซ์บ้านก่อนยื่นกู้!!

 อยากแก้หนี้?ต้องเริ่มที่ ปรับ'Mindset'


 รีไฟแนนซ์รถสามารถขอส่วนต่างเพิ่มได้

        กรณีที่จะรีไฟแนนซ์รถและต้องการนำเงินส่วนต่างไปใช้นั้น  หากต้องการจะรู้ว่าเงินส่วนต่างนี้มีจำนวนประมาณเท่าไหร่ ให้ดูจากราคารถที่ทางไฟแนนซ์ประเมินจากราคากลาง และหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ (ประกอบไปด้วยค่าธรรมเนียมปิดไฟแนนซ์จากที่เก่าประมาณ 2.5%, ค่าโอนจากไฟแนนซ์ที่เก่าไปไฟแนนซ์ที่ใหม่ประมาณ 5,000 บาท) ก็จะทราบเงินส่วนต่างจำนวนคร่าวๆ ที่จะได้รับจากทางไฟแนนซ์  ซึ่งข้อนี้จะต้องปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อให้ดี 

        แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นอกจากจะพิจารณาถึงความจำเป็นของการทำรีไฟแนนซ์แล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายหลังจากได้เงินมาแล้ว เช่น นอกจากการลดดอกเบี้ยของสินเชื่อรถยนต์แล้ว เราจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ไปปิดบัตรเครดิตทั้งหมดที่มีอยู่ด้วย เพื่อให้ภาระจ่ายในแต่ละเดือนลดลงจริงๆ เช่นนั้นจึงจะเป็นการ"รีไฟแนนซ์" ที่เกิดประโยชน์ที่สุด 




เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ข่าวที่เกี่ยวข้อง