ชาวอเมริกันกว่า 100 ล้านคน เผชิญคลื่นความร้อน 'หุบเขามรณะ' คาดพุ่ง 53 องศาฯ
วันนี้ ( 16 ก.ค. 66 )บรรดาผู้เชี่ยวชาญเตือนถึงอันตรายของสภาพอากาศร้อนรุนแรงสุดขั้ว ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ของสหรัฐฯ ซึ่งพวกเขาต่างย้ำไปในทิศทางเดียวกันว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ทำให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้น โดยชาวอเมริกันมากกว่า 100 ล้านคน กำลังเผชิญกับสภาพอากาศร้อนรุนแรงยาวนานต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์หน้า ส่งผลให้ทางสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ ออกข้อเสนอแนะในการรับมือกับสภาพอากาศร้อนในหลายเมืองทั่วประเทศ
ความกดอากาศสูง ที่อยู่เหนือรัฐทางภาคใต้ของประเทศ กำลังเป็นสาเหตุให้เกิดอากาศร้อนรุนแรง ฌอง เบเนดิกท์ เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาจากสำนักงานบริการอากาศแห่งชาติในเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา กล่าวกับรอยเตอร์แนะนำประชาชนจำกัดเวลาในการออกนอกบ้าน ในช่วงอากาศร้อน
ซูซาน จอย ฮัสซอล ผู้อำนวยการ NGO Climate Communication กล่าวว่า ผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไม่เพียงแต่จะเห็นได้จากคลื่นความร้อนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสภาพอากาศที่รุนแรงอื่น ๆ เช่น น้ำท่วมรุนแรงหรือพายุทอร์นาโดที่เลวร้ายมากขึ้น
ในหลายพื้นที่ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งมีฤดูร้อนที่สภาพอากาศร้อนเป็นปกติ อุณหภูมิที่ร้อนจัดอาจทำลายสถิติได้
คลื่นความร้อน “อันตราย” ในสหรัฐฯ คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ โดยมีคำเตือนทั่วภาคตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งสำนักงานบริหารอากาศแห่งชาติ (NWS) เตือนในวันเสาร์ว่า อย่าประเมินผลกระทบจากสภาพอากาศร้อนต่ำ
ชาวอเมริกันเกือบ 1 ใน 3 หรือประมาณ 113 ล้านคน อยู่ภายใต้คำแนะนำสภาพอากาศร้อน ไล่ไปตั้งแต่รัฐฟลอริกา ถึงแคลิฟอร์เนีย และขึ้นไปจนถึงรัฐวอชิงตัน
เฉพาะในเมืองฟีนิกซ์ คาดอุณหภูมิพุ่งสูงถึง 43 องศาเซลเซียสในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ต่อเนื่องเป็นวันที่ 16 เกือบทำลายสถิติ ส่วนหุบเขามรณะ หรือ Death Valley ในแคลิฟอร์เนีย เป็นหนึ่งในสถานที่ที่อากาศร้อนที่สุดในโลก คาดว่าจะพุ่งแตะ 53 องศาเซลเซียส
ตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตประมาณ 700 คนในแต่ละปี ที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศร้อนในสหรัฐฯ
ภาพจาก : รอยเตอร์