รีเซต

SEAFCO ได้งานฐานแน่น ครึ่งหลังมีรับรู้1.5พันล้าน

SEAFCO ได้งานฐานแน่น ครึ่งหลังมีรับรู้1.5พันล้าน
ทันหุ้น
10 กันยายน 2563 ( 07:40 )
45

ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทได้รับงาน 2 โครงการใหม่ ในเดือนกันยายน มีมูลค่างานก่อสร้าง (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เป็นเงินรวม 422 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ นอร์ท พลอต มิกซ์ยูส แอท ฟอเรสเทียส์ ถ.บางนา-ตราด จ.สมุทรปราการ ของบริษัท เอ็มคิวดีซี ทาวน์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยเป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม ระบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และกำแพงกันดินระบบไดอาแฟรมวอลล์ ซึ่งรวมค่าวัสดุ เริ่มดำเนินงานทำรั้วโครงการ และเสาเข็มทดสอบในเดือนกันยายน 2563 และงานหลักจะดำเนินการในเดือนมกราคม 2564และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญา E5 อาคารจอดแล้วจร ถ.รามคำแหง กรุงเทพฯ ของกิจการร่วมค้า ซีเคเอสที โดยเป็นงานเสาเข็มเจาะแบบกลม ระบบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งรวมค่าวัสดุ เริ่มดำเนินงานในเดือนกันยายน 2563*จ่อบุ๊กแบ็กล็อก 1.4-1.5พันล.ส่วนแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2563 เตรียมรับรู้รายได้ประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 2,100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นงานที่เลื่อนการส่งมอบมาจากครึ่งปีแรก

 

สำหรับ Backlog ส่วนที่เหลือประมาณ 600-700ล้านบาท จะรับรู้รายได้เข้ามาทั้งหมดในปี 2564อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้มี Backlog รองรับรายได้และการเติบโตในอนาคต แต่ยอมรับว่าการประมูลงานภาคเอกชนในช่วงที่เหลือของปีนี้คงยังไม่เห็นออกมามานัก เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงชะลอการลงทุนจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวกลับมาได้รวดเร็ว โดยงานที่คาดว่าจะออกมาบ้างส่วนใหญ่จะเป็นงานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทยอยออกมาบ้างในช่วงครึ่งปีหลังนี้*โบรกเคาะเป้า 8 บาทบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุถึง SEAFCO ว่า แรงงานต่างชาติที่ยังไม่สามารถกลับมาทำงานได้ในช่วงไตรมาส 3/2563 จะเป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการไตรมาส 3/2563 ของ SEAFCO ทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงที่จากไตรมาสก่อน ทำให้ผลประกอบการจะอยู่ที่ 71 ล้านบาท ลดลง 31% จากปีก่อน และลดลง 1.6% จากไตรมาสก่อนเนื่องจาก 1.รายได้จากการก่อสร้างที่ลดลงจากผลของ COVID-19 และ 2.อัตรากำไรขั้นต้นที่ 18% คงที่จากไตรมาสก่อนเทียบกับ 18.4% ในช่วงไตรมาส 2/2563 แต่ลดลงจากเดิมที่ 20.8% ในช่วงไตรมาส 3/2562 ทำให้มีการปรับประมาณการลง แต่คาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาส 4/2563 จากงานในมือที่เพิ่มขึ้นจากโครงการใหม่ๆ และด้วยการเปิดตัวแผน PPP ใหม่จะหนุนการเติบโตในปีหน้าปัจจุบัน SEAFCO มีงานในมือ 2.1 พันล้านบาท แต่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตจากงานใหม่ๆ เช่น ทางด่วนพระราม 3 - ดาวคะนอง, สนามบินอู่ตะเภา, MRT สายสีส้ม และม่วง, รถไฟรางคู่ที่จะหนุนผลประกอบการปี 2021F และคาดว่าสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นหลังมีการคลายล็อคดาวน์ในเฟสที่ 6 ทำให้แรงงานต่างด้าวกลับมาทำงานได้แนะนำให้ "ซื้อ" โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 8.00 บาท (PER 14.2 เท่าสำหรับปี 2021F) ลดลงจากเดิมที่ 8.40 บาท โดยมีความเสี่ยงคือ โครงการใหม่น้อยกว่าคาด, งานใหม่ที่ล่าช้า และต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง