เกาะติดสถานการณ์ 'รัสเซีย-ยูเครน' (20 มิ.ย. 2565)

หลังจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เกิดขึ้นมานานราว 4 เดือน 

ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้เกิดการต่อสู้เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ทางตะวันออก และทางตอนใต้ของยูเครน เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานราว 4 เดือนแล้ว ซึ่งก็มีผู้คนทยอยอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงมาตลอด และเนื่องในโอกาสที่วันนี้ (20 มิถุนายน) ตรงกับวันผู้ลี้ภัยโลก จึงทำให้หลายคนตัดสินใจเลือกเอาวันนี้เป็นวันอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัย

ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้พวกเขาตัดสินใจอพยพจากที่พักอาศัยนั้น คือ เรื่องของความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค และไม่มีก๊าซเชื้อเพลิงสำหรับใช้ปรุงอาหาร

องค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุข้อมูลคร่าว ๆ ของจำนวนผู้อพยพนับตั้งแต่ที่เกิดปัญหาความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน มีชาวยูเครนราว 7 ล้านคน ที่ต้องอพยพไปยังดินแดนอื่น ๆ ในประเทศ

ทั้งนี้ มีอีกราว 5 ล้านคน ที่ตัดสินใจลี้ภัยไปต่างประเทศ และอีกราว 13 ล้านคน ที่ยังคงติดอยู่ในพื้นที่รอบ ๆ สมรภูมิต่อสู้ และไม่สามารถอพยพได้

ส่วนเป้าหมายในการอพยพนั้น ส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปขออาศัยอยู่กับญาติพี่น้องที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่หากใครที่ไม่มีญาติ ก็จะไปอาศัยที่พักที่เจ้าหน้าที่จัดหาไว้ให้ชั่วคราว

รัฐสภายูเครนลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติกฎหมายสั่งห้ามเพลงและหนังสือรัสเซีย

รัฐสภายูเครนลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติกฎหมายสองฉบับพร้อมกันเมื่อวานนี้ เพื่อให้สั่งห้ามใช้หรือเล่นเพลงรัสเซียตามสื่อ และพื้นที่ขนส่งสาธารณะ แต่ห้ามเฉพาะเพลงของชาวรัสเซียหลังยุคอดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย หรือหลังปี 1991 และให้เพิ่มสัดส่วนเนื้อหาที่เป็นการพูด เพลง ภาษายูเครนในโทรทัศน์และวิทยุมากขึ้นด้วย

กฎหมายอีกหนึ่งฉบับ สั่งห้ามตีพิมพ์หรือนำเข้าหนังสือจากรัสเซียหรือเขียนโดยชาวรัสเซีย และเบลารุส รวมทั้งจากดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครอง ยกเว้นชาวรัสเซียที่ยอมสละหนังสือเดินทางรัสเซีย และหันมาถือสัญชาติยูเครน ใช้บังคับเฉพาะผู้ถือสัญชาติรัสเซียหลังอดีตสหภาพโซเวียตล่มเช่นกัน

การนำเข้าหนังสือรัสเซียจากประเทศอื่น ๆ ต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ อันเป็นการพยายามทลายความเกี่ยวโยงทางวัฒนธรรมระหว่างกัน หลังรัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

ทั้งนี้ กฎหมายทั้งสองฉบับจำเป็นต้องให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเซเลนสกีจะคัดค้านแต่อย่างใด

รัฐสภายูเครนลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติกฎหมายสั่งห้ามเพลงและหนังสือรัสเซีย รอเพียงผู้นำยูเครนลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย

รัฐสภายูเครนลงมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติกฎหมายสองฉบับพร้อมกันเมื่อวานนี้ เพื่อให้สั่งห้ามใช้หรือเล่นเพลงรัสเซียตามสื่อ และพื้นที่ขนส่งสาธารณะ แต่ห้ามเฉพาะเพลงของชาวรัสเซียหลังยุคอดีตสหภาพโซเวียตล่มสลาย หรือหลังปี 1991 และให้เพิ่มสัดส่วนเนื้อหาที่เป็นการพูด เพลง ภาษายูเครนในโทรทัศน์และวิทยุมากขึ้นด้วย

กฎหมายอีกหนึ่งฉบับ สั่งห้ามตีพิมพ์หรือนำเข้าหนังสือจากรัสเซียหรือเขียนโดยชาวรัสเซีย และเบลารุส รวมทั้งจากดินแดนยูเครนที่ถูกยึดครอง ยกเว้นชาวรัสเซียที่ยอมสละหนังสือเดินทางรัสเซีย และหันมาถือสัญชาติยูเครน ใช้บังคับเฉพาะผู้ถือสัญชาติรัสเซียหลังอดีตสหภาพโซเวียตล่มเช่นกัน

การนำเข้าหนังสือรัสเซียจากประเทศอื่น ๆ ต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ อันเป็นการพยายามทลายความเกี่ยวโยงทางวัฒนธรรมระหว่างกัน หลังรัสเซียเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน

ทั้งนี้ กฎหมายทั้งสองฉบับจำเป็นต้องให้ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ลงนามเพื่อให้มีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย และไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเซเลนสกีจะคัดค้านแต่อย่างใด

เลขาธิการนาโต เตือน ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียจะกินเวลาหลายปี แนะส่งอาวุธทันสมัยให้ช่วยเพิ่มโอกาสยูเครนชนะ

‘เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก’ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ ‘นาโต’ ให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนีว่า ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนจะเกิดขึ้นต่อเนื่องกินเวลาหลายปี การจัดส่งอาวุธที่ทันสมัยให้ยูเครนจะช่วยเพิ่มโอกาสปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส จากรัสเซียได้ และบอกว่านาโตและพันธมิตรต้องไม่ล้มเลิกที่จะให้การสนับสนุนยูเครน แม้ว่าจะสูญเสียงบประมาณสูง ไม่ว่าการสนับสนุนทางการทหาร หรือการที่ต้องรับมือภาวะราคาพลังงานและอาหารแพง

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำนาโตที่กรุงมาดริดของสเปนในช่วงปลายเดือนนี้ คาดว่าจะอนุมัติการช่วยเหลือยูเครนรอบใหม่ที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากการใช้อาวุธเก่ายุคอดีตสหภาพโซเวียต ไปสู่อาวุธที่ทันสมัยและมาตรฐานของนาโตแทน

รัสเซีย ยืนยันมีทหารรับจ้างและผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธจากต่างชาติเกือบ 7,000 คน

อิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย แถลงว่า มีทหารรับจ้างและบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธ รวมกันเกือบ 7,000 คนจากหลายประเทศ เดินทางเข้ายูเครน ตั้งแต่รัสเซียเริ่มใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 
ขณะนี้ นักรบรับจ้างต่างชาติจำนวนมากในยูเครนก็กำลังเดินทางออกจากประเทศนี้ เนื่องจากสถานการณ์ในการสู้รบของกองทัพยูเครน ไม่เอื้ออำนวย

โคนาเชนคอฟ กล่าวว่า เบื้องหลังความล้มเหลวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลยูเครน และการบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากและการสูญเสียอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกวัน การหลั่งไหลของทหารรับจ้างต่างชาติเข้าไปยังยูเครน ไม่เพียงลดน้อยลงเท่านั้น แต่กลับกลายไปในทิศทางตรงกันข้าม แม้จะมีความพยายามของรัฐบาลยูเครน และการจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเพิ่มขึ้น ยูเครนก็ไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการของทหารรับจ้างที่ออกจากยูเครนไปยังที่อื่นหรือกลับไปยังประเทศของพวกเขา

ตามคำกล่าวของโคนาเชนคอฟ ระบุว่า ในกลุ่มประเทศยุโรป โปแลนด์เป็นประเทศที่มีคนเดินทางเข้าและเสียชีวิตในยูเครนมากที่สุด ส่วนกลุ่มประเทศในทวีปอเมริกา จำนวนผู้คนที่เดินทางเข้ายูเครนจากแคนาดา สูงที่สุด และสหรัฐฯ เป็นผู้นำในแง่ของคนตายในยูเครนจำนวน 214 คน  

โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย กล่าวอีกว่า จนถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2022 มีทหารรับจ้างและผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธจาก 64 ประเทศ จำนวน 6,956 คน เดินทางเข้ายูเครนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางหาร และเสียชีวิต 1,956 คน และเดินทางออกจากยูเครน 1,779 คน   

ภาพ : Reuters

ข้อมูล TNN World