สปส. เคาะสูตรบำนาญใหม่ใช้ต้นปี 69 เกษียณได้เงินเพิ่มเฉลี่ย 7-8%

สปส. เคาะสูตรบำนาญใหม่ใช้ต้นปี 69 เกษียณได้เงินเพิ่มเฉลี่ย 7-8%
#ทันหุ้น #ประกันสังคม สปส. ปฏิรูปบำนาญครั้งใหญ่: เคาะสูตร 'CARE' เพิ่มเงินผู้เกษียณเฉลี่ย 7-8% คาดใช้จริงต้นปี 2569
สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กำลังจะเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบประกันสังคมของประเทศ โดยเตรียมนำ สูตรการคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ หรือ "สูตร CARE" มาใช้ในช่วงต้นปี 2569 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้ผู้ประกันตนที่จะเกษียณอายุในอนาคตได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 7-8% การปรับปรุงนี้เป็นผลจากการศึกษาที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2563 และเป็นไปตามการผลักดันของคณะกรรมการประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้ง
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ประธานคณะอนุกรรมการศึกษาและปรับปรุงสูตรการคำนวณบำนาญชราภาพฯ เปิดเผยว่า กระบวนการปรับปรุงสูตรจะแล้วเสร็จในช่วง ธันวาคม 2568 ถึงมกราคม 2569 หลังผ่านการทำประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะนำข้อเสนอที่ปรับปรุงแล้วเข้าสู่คณะกรรมการประกันสังคม, กระทรวงแรงงาน, และเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อออกเป็นกฎกระทรวงและประกาศใช้ต่อไป
การปรับฐานค่าจ้างสมทบเพื่อความยั่งยืนของกองทุน
การประกาศใช้สูตรบำนาญใหม่จะมาพร้อมกับการ ทยอยปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างที่ใช้ในการคำนวณเงินสมทบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงในระยะยาวของกองทุนประกันสังคม โดยจะปรับจากปัจจุบันที่ 15,000 บาท เป็น:
- 17,500 บาท ในปี 2569
- 20,000 บาท ในปี 2570
- 23,000 บาท ในปี 2571
แม้เพดานค่าจ้างจะปรับเพิ่มขึ้น แต่ยังคง อัตราเงินสมทบเดิมที่ 5% ทำให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นตามฐานค่าจ้างใหม่ โดยผู้ที่จ่ายเต็มเพดานค่าจ้าง 23,000 บาทต่อเดือนในปี 2571 จะต้องจ่ายสมทบที่ 1,150 บาทต่อเดือนเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 750 บาทต่อเดือน (เพิ่มขึ้น 400 บาท หรือ 53%)
โครงสร้างสูตรใหม่: การแก้ไขความไม่เป็นธรรม
นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ระบุว่า ในปัจจุบันมีผู้ประกันตนถึงกว่า 200,000 คนที่ได้รับเงินบำนาญไม่เป็นธรรม เพราะจ่ายเงินสมทบสูงกว่าเงินบำนาญที่ได้รับจริง จึงเป็นที่มาของสูตร "CARE" ที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมมากขึ้นสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เป็นหลัก
ความแตกต่างของสูตรใหม่กับสูตรเดิม สรุปได้ดังนี้:
รายละเอียด | สูตรใหม่ (CARE) | สูตรเดิม |
ฐานค่าจ้าง | เฉลี่ย ทุกเดือน ที่ส่งเงินสมทบและปรับเป็น ค่าเงินปัจจุบัน | เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย ที่ส่งเงินสมทบ |
ส่วนเพิ่มต่อปี (เมื่อส่งสมทบเกิน 180 เดือน) | ส่วนเพิ่ม 1.5% ต่อปี และ 0.125% ต่อเดือนที่ไม่ครบปี(คิดเศษเดือน) | ส่วนเพิ่ม 1.5% ต่อปี (ไม่คิดเศษเดือน) |
การปรับให้ฐานค่าจ้างเป็น "เฉลี่ยทุกเดือน" และ "ปรับเป็นค่าเงินปัจจุบัน" รวมถึงการ "คิดเศษเดือน" จะช่วยให้เงินบำนาญที่ได้รับมีความสอดคล้องกับมูลค่าเงินที่จ่ายไปตลอดอายุการทำงานมากขึ้น และทำให้อัตราบำนาญเพิ่มขึ้นตามระยะเวลาส่งเงินสมทบอย่างแม่นยำ
กลไกชดเชย 5 ปี: สร้างความมั่นใจให้ผู้ใกล้เกษียณ
เพื่อลดผลกระทบในช่วงเปลี่ยนผ่าน AEONTS (ตัวเลขสำคัญ) สำหรับผู้ที่ใกล้เกษียณ บริษัทได้กำหนดกลไกชดเชยส่วนต่างเป็นเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2569 ถึง 2573 โดยมีหลักประกันว่า กรณีที่เงินบำนาญสูตรใหม่น้อยกว่าสูตรเดิม ผู้เกษียณจะได้รับการชดเชยส่วนต่าง ตลอดชีวิตตามอัตราส่วนที่ลดหลั่นกันไป:
- ผู้เกษียณปี 2569: ชดเชยส่วนต่าง 100% ตลอดชีวิต
- ผู้เกษียณปี 2573: ชดเชยส่วนต่าง 20% ตลอดชีวิต
นางสาวบุปผา เรืองสุด เลขาธิการ สปส. ย้ำว่า การปรับปรุงนี้เป็นไปเพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจอย่างรอบด้านจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกันตนปัจจุบันและผู้ที่รอรับสิทธิประโยชน์ โดยมีเป้าหมายคือ การสร้างหลักการพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่จะรับบำนาญชราภาพ 3 ล้านคนในอนาคต 10 ปีข้างหน้า ได้รับบำนาญเพิ่มขึ้น และไม่มีใครได้รับบำนาญน้อยลง
สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways):
- กำหนดใช้: คาดว่าสูตรบำนาญชราภาพใหม่ "สูตร CARE" จะเริ่มใช้ใน ต้นปี 2569
- ผลประโยชน์: ผู้ประกันตนจะได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7-8% ในอนาคต (10 ปีข้างหน้า) และ ไม่มีใครได้รับบำนาญน้อยลง
- การปรับฐานสมทบ: ทยอยปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างสมทบจาก 15,000 บาท เป็น 23,000 บาท ภายในปี 2571 เพื่อความยั่งยืนของกองทุน
- การคำนวณใหม่:
- เปลี่ยนจากฐาน 60 เดือนสุดท้าย เป็น เฉลี่ยทุกเดือน (ที่ส่งเงินสมทบ) และปรับเป็น ค่าเงินปัจจุบัน
- เพิ่มส่วนเพิ่มต่อปี โดย นับเศษเดือน ที่ส่งสมทบเกิน 180 เดือน (0.125% ต่อเดือน)
- มาตรการเปลี่ยนผ่าน: กำหนดกลไกชดเชยส่วนต่าง 5 ปี (ปี 69-73) เพื่อให้ผู้ที่ได้รับบำนาญสูตรใหม่ต่ำกว่าสูตรเดิมได้รับการชดเชยตลอดชีวิต (เริ่มต้นที่ 100% ในปี 69 และลดลงเป็น 20% ในปี 73)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
