รีเซต

เตือนแล้วนะ! จีนขู่ชาวโลก ระวังถูกตอบโต้ จับมือสหรัฐทำลายจีน

เตือนแล้วนะ! จีนขู่ชาวโลก ระวังถูกตอบโต้ จับมือสหรัฐทำลายจีน
TNN ช่อง16
25 เมษายน 2568 ( 08:00 )
14

จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้อีก ?

เมื่อจีนออกมาขู่ว่า ประเทศใดก็ตามหากไปร่วมมือกับสหรัฐ แล้วสร้างผลกระทบมายังจีน ประเทศเหล่านั้นก็จะถูกตอบโต้กลับไปเช่นกัน 

นับเป็นการเคลื่อนไหวที่ส่งสัญญาณว่า สงครามการค้ามีความเสี่ยงที่จะตึงเครียดและร้อนแรงมากขึ้น  

ประหนึ่งว่าแต่ละชาติต้องมีการ "เลือกข้าง" ให้ดี  

ที่ผ่านมาสองมหาอำนาจของโลกได้ใช้ภาษีตอบโต้กันไปมา และเราก็ยังไม่เห็นการเจรจาของสองมหาอำนาจอย่างเป็นรูปธรรม 

แม้ล่าสุดจะมีสัญญาณที่คลี่คลายลงจากการเปิดทางของฝั่งสหรัฐ ว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นและมั่นใจว่าจะเป็นไปด้วยดี 

โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บอกว่าจะลดภาษีให้จีน จะไม่ขึ้นไปถึงอัตรา 145 %

แต่ทางการจีนก็ออกปัดมาข่าว ยืนยันว่ายังไม่มีการเจรจาใดๆเกิดขึ้นทั้งสิ้น และจี้ให้สหรัฐยกเลิกมาตรการฝ่ายเดียวเสียก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน 


"จีนพร้อมตอบโต้ทุกชาติที่จับมือทรัมป์ทำลายจีน"


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่าทางการของจีน โดยกระทรวงพาณิชย์จีนได้แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา  (21 เมษายน 2568 ) 

ระบุว่า รัฐบาลปักกิ่งได้ออกมาเตือนประเทศต่างๆ ว่าทางการจีนจะคัดค้านอย่างเต็มที่

หากมีฝ่ายใดหรือประเทศใดก็ตามทำข้อตกลงที่ทำให้จีนเสียประโยชน์ 

และหากสิ่งนี้เกิดขึ้น จีนก็จะไม่ยอมรับและจะใช้มาตรการตอบโต้กลับที่เด็ดขาดและเท่าเทียม 

พร้อมย้ำอีกด้วยว่า รัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นและมีศักยภาพเพียงพอที่จะปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของจีน 

และในขณะเดียวกันก็ยินดีที่จะกระชับความร่วมมือกับทุกๆ ฝ่ายด้วย เพื่อปกป้องความเป็นธรรมในระบบการค้าโลก 


นอกจากนี้ทางโฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนยังได้ตอบโต้ไปถึงสหรัฐ

โดยประณามสหรัฐฯ ว่าใช้นโยบาย “กลั่นแกล้งฝ่ายเดียว” 

และ “บิดเบือนภาษีเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง”

ระบุว่า สหรัฐใช้ภาษีศุลกากรเป็นเครื่องมือกดดันคู่ค้าทุกประเทศ 

โดยอ้างสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเท่าเทียม แต่ในขณะเดียวกันก็บีบให้ทุกประเทศต้องยอมเจรจาด้วย 


พร้อมเตือนอีกว่า หากระบบการค้าระหว่างประเทศต้องกลับไปสู่ “กฎแห่งป่า” 

ที่ไม่มีระเบียบหรือกติกากลาง โลกจะต้องเผชิญความเสี่ยงร้ายแรง 

ทั้งนี้คำแถลงของกระทรวงพาณิชย์จีนนับเป็นการออกมาตอบโต้ครั้งแรก 

จากกระแสข่าวที่เผยออกมาจากสื่อต่างประเทศ

ที่รายงานอ้างว่ารัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเตรียมกดดันให้ชาติต่างๆ ลดมูลค่าการค้ากับจีนลง 

เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ จะลดหรือยกเว้นภาษีศุลกากรให้ 

และอาจนำมาตรการคว่ำบาตรทางการเงินมาใช้ร่วมด้วย 


ย้อนกลับไป ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ประกาศชะลอการขึ้นภาษีตอบโต้

ไปยังประเทศคู่ค้าหลายสิบประเทศทั่วโลกที่ได้ประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2568 โดยให้ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน 

และบรรดาชาติต่างๆก็พากันตบเท้าเข้ามาเจรจาต่อรองเพื่อลดภาษี  

ยกเว้นเพียงแค่จีนประเทศเดียวเท่านั้น ที่สหรัฐไม่มีการชะลอมาตรการให้ 

และยังเพิ่มอัตราภาษีขึ้นอย่างต่อเนื่องจนพุ่งไปถึง 145 % 

รวมถึงบางรายงานระบุว่าสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการอาจมีภาษีพุ่งไปถึง 245 %

ขณะที่ทางการจีนก็ตอบโต้กลับด้วยการสั่งรีดภาษีสินค้าอเมริกัน 125%   


พร้อมกันนี้ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ 

จีนยังได้เพิ่มความพยายามสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการทูตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป

เช่น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง 

ได้เดินทางเยือน 3 ชาติ อาเซียน  ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา 

นับเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกในปีนี้  

เพื่อตอกย้ำแนวคิด “ครอบครัวเอเชีย” รับมือกับแรงกดดันจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ


ซึ่งในแถลงการณ์ร่วมกับผู้นำทั้งสามประเทศ 

ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการต่อต้านพฤติกรรม

 “กลั่นแกล้งฝ่ายเดียว” ของสหรัฐฯ และการใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือทางการเมือง 

พร้อมชี้ว่าภูมิภาคเอเชียควรมีบทบาทนำในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของโลก

และย้ำข้อความว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า 


"การตอบโต้จากจีนที่เริ่มต้นขึ้นแล้ว"


นอกจากการตอบโต้กันด้วยคำขู่

ล่าสุดจีนก็เดินหน้ามาตการการค้าหลายอย่างเพื่อตอบโต้สหรัฐอย่างเป็นรูปธรรม

เช่น การงดรับเครื่องบินโบอิ้ง 

และการระงับการซื้อข้าวโพด และถั่วเหลือง จากสหรัฐอเมริกา 


สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าทางการจีนได้สั่งการให้สายการบินต่าง ๆ ในประเทศ 

งดรับมอบเครื่องบินโบอิ้ง (Boeing) ล็อตใหม่ 

พร้อมร้องขอให้สายการบินจีนระงับการจัดซื้ออุปกรณ์และชิ้นส่วนอากาศยาน

จากบริษัทสัญชาติอเมริกันเจ้าต่าง ๆ ด้วย 

เพื่อตอบโต้การตัดสินใจของสหรัฐฯ ที่ประกาศตั้งกำแพงภาษีกับสินค้าจากจีน

จากนั้นไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีรายงานข่าวว่า โบอิ้ง (Boeing) ต้องคอตกหอบเครื่องบินกลับอเมริกา

เพราะทางการจีนไม่ยอมรับมอบ โดยเครื่องบินโดยสาร 737 MAX 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า เดิมทีเครื่องบินโดยสาร 737 MAX ลำดังกล่าว

ต้องส่งมอบให้กับสายการบินเซี่ยเหมิน แอร์ไลน์ (Xiamen Airlines) ของจีน

รายงานระบุว่า ณ ศูนย์ส่งมอบในเมืองโจวซาน ยังมีเครื่องบิน 737 MAX อีกหลายลำ

ที่รอส่งมอบให้กับสายการบินจีน และโบอิ้งอาจต้องทยอยนำกลับสหรัฐฯ ต่อไป

ไม่ใช่เพียงแค่อุตสาหกรรมการบิน

สินค้าเกษตรก็เช่นกัน

ล่าสุด “จีน” ได้ระงับสั่งซื้อถั่วเหลือง-ข้าวโพดจากสหรัฐ 

หันไปซื้อจากบราซิลแทน


สำนักข่าว Nikkei Asia รายงานว่า 

จีนได้ระงับการสั่งซื้อถั่วเหลืองและข้าวโพดจากสหรัฐตั้งแต่กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนมีเป้าหมายเพื่อลดการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ 

และหันไปซื้อจากประเทศอื่น เช่น บราซิล เพื่อรักษาความมั่นคงด้านอุปทาน


ทั้งนี้ข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐ (USDA) ระบุว่า ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคมเป็นต้นมา

 ไม่มีคำสั่งซื้อถั่วเหลืองและข้าวโพดใหม่จากบริษัทจีนเลย 

ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีคำสั่งซื้อมาจากธุรกิจจีนต่อเนื่องทุกเดือนจนถึงเดือนธันวาคม


ขณะเดียวกันจีนยังพยายามลดการนำเข้าสินค้าเกษตรอื่น ๆ จากสหรัฐด้วย

โดยข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรทั่วไปของจีนระบุว่า 

การนำเข้าฝ้ายดิบจากสหรัฐในเดือนมีนาคม ลดลงถึง 90% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

ส่วนการนำเข้าข้าวสาลีจากสหรัฐในไตรมาสแรกของปี 2568 

เหลือเพียง 1% ของปริมาณที่นำเข้าในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


นอกจากนี้จีนยังลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐลง 30% 

ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2568 เมื่อเทียบกับปีก่อน

อย่างไรก็ตามการดำเนินการของจีนสร้างความกังวลให้กับเกษตรกรสหรัฐอย่างมาก

พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์เร่งเจรจากับจีนเพื่อบรรลุข้อตกลงโดยเร็ว


แม้ภาพรวมวันนี้ ดูเหมือนว่า สงครามการค้า สหรัฐ และ จีน 

กำลังทวีความตึงเครียดและรุนแรงหนักขึ้น 

แต่หลายฝ่ายเองก็มีการวิเคราะห์ว่า หากทั้งสองมหาอำนาจได้นั่งลง

คุยกันจริงๆ แล้ว ผลอาจจะออกมาดีกว่าที่คาดคิดได้เช่นกัน  

เพราะภายใต้แรงกดดันนี้ไม่มีใคร ไม่มีประเทศไหนอยากเลือกข้างอย่างแน่นอน  

ข่าวที่เกี่ยวข้อง