รีเซต

"ส่องเศรษฐกิจแมว" ตลาดจีนโตแรงแซงน้องหมา

"ส่องเศรษฐกิจแมว" ตลาดจีนโตแรงแซงน้องหมา
TNN ช่อง16
23 ตุลาคม 2568 ( 08:37 )
16

สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานการค้าประจำเซี่ยงไฮ้ กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ระบุว่า ตลาดอาหารแมวในจีนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 2566 ขนาดตลาดอาหารแมวมีมูลค่า 71,000 ล้านหยวน หรือ 9,800 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 จากปีก่อนหน้า และขนาดตลาดอาหารสุนัขมีมูลค่า 74,800 ล้านหยวน หรือ 10,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน“สูตรผลิตภัณฑ์อาหารแมว”  ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้เลี้ยงแมว โดยอาหารแมว “สูตรเนื้อสดและสูตรไม่ผสมธัญพืช” ได้รับความนิยมอย่างสูงสุด และเป็นเจ้าตลาดหลักในวงการผลิตภัณฑ์อาหารแมว ขณะเดียวกัน อาหารแมว “สูตรเนื้อปลา” ก็ได้มีอัตราการเติบโตมากขึ้นเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับสูตรอาหารประเภทอื่น 

ส่วนอาหารแมวที่ “สรรพคุณเฉพาะ” นั้น ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพและบำรุงระบบย่อยอาหารสำหรับแมวมียอดขายสูงที่สุด  แต่สินค้าที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดคือ “ผลิตภัณฑ์ชะลอวัยและบำรุงข้อ”  ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและการขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์สุขภาพสัตว์เลี้ยง ที่มุ่งเน้นการผสมผสานระหว่าง “โภชนาการที่แม่นยำและสรรพคุณที่หลากหลาย” เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยของผู้บริโภค ตั้งแต่ “กินให้อิ่ม” ไปจนถึง “กินให้อร่อยและกินเพื่อสุขภาพ”

แนวคิดเกี่ยวกับอาหารแมวดังกล่าว  ทำให้  “เซียนหล่าง (鲜朗)” หรือ Rosy Fresh คือหนึ่งในตัวอย่างแบรนด์อาหารสำหรับแมวที่สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานเพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ได้อย่างประสบความสำเร็จ โดยยึดถือ “ความสดใหม่” เป็นจุดเด่นหลักของแบรนด์ อาศัยการใช้เทคโนโลยีการคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพพิเศษ และการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ให้ได้มากที่สุด  

ทั้งนี้ จากข้อมูลดัชนี 10 อันดับธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารแมวประจำปี พ.ศ.2568 โดย huo1818.com  พบว่า แบรนด์เซี่ยนหล่าง มีดัชนีอยู่ที่ 1574.9 ซึ่งถือเป็นอันดับที่สูงที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์อาหารแมวจากประเทศจีน และเป็นรองเพียง Royal Canin แบรนด์สินค้าผลิตภัณฑ์อาหารแมวชื่อดังจากประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น

ทั้งนี้ “เซียนหล่าง” เริ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในปี พ.ศ.2557 ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ป่น แต่หลังจากปีพ.ศ.2560 เซียนหล่างเริ่มหันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์สดแทน โดยได้ปรับปรุงกรรมวิธีการอบเนื้อสด เป็นใช้วัตถุดิบจากเนื้อสัตว์ร้อยละ 93  ปราศจากน้ำมันและสารแต่งสี รวมถึงใช้ระบบขนส่งแบบห่วงโซ่ความเย็น (Cold Chain) โดยยึดหลักที่ว่า “วัตถุดิบที่ดีเสริมสร้างสุขภาพ” และอาศัยคุณภาพความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ คุณประโยชน์ตามหลักโภชนาการ และการรับประกันคุณภาพ เป็นจุดขายสำคัญที่สร้างผลตอบรับอย่างดี 




นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่า ผลิตภัณฑ์สินค้าสำหรับแมวชนิดอื่นๆ ยังคงขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารแมวซึ่งมียอดขายที่น่าจับตามอง ทั้งยังจัดอยู่ในสินค้าที่มีความจำเป็นที่สุดสำหรับกลุ่มผู้บริโภคผู้รักแมว ในขณะเดียวกัน อัตราการบริโภคผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพแมวและขนมสำหรับแมวก็มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากตามลำดับ 

นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์สินค้าประเภทใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างอุปกรณ์เดินเล่นสำหรับแมว การบริการชีวิตสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์อัจฉริยะสำหรับสัตว์เลี้ยงล้วนมีอัตราการเติบโตอย่างสม่ำเสมอ กล่าวคือ อาหารแมวซึ่งเป็นสินค้าพื้นฐานยังคงได้รับความนิยมและมีอัตราการขยายตัวที่มั่นคง ขณะเดียวกัน สินค้าประเภทใหม่ ได้ถูกคิดค้นขึ้นและกำลังเติบโตในวงการเศรษฐกิจแมวต่อไปในอนาคต 

การขยายขอบเขตสินค้าภายใน “เศรษฐกิจแมว” เกิดจากความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อยกระดับความหลากหลายและคุณภาพของสินค้าประเภทต่าง ๆ ต่อไปในอนาคต

สำหรับ “เมืองเซี่ยเหมิน”  ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีชื่อเสียงด้านตลาดสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะธุรกิจสินค้าและการบริการสำหรับแมว ปัจจุบันภายในตลาดซื้อขายสัตว์เลี้ยงมีร้านค้ามากกว่า 100 แห่ง โดยจำนวนกิจการซื้อขายเฉพาะแมวมีราว 30 แห่ง มีการซื้อขายชนิดพันธุ์แมวตั้งแต่ราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นหยวน (ประมาณ 46,000บาท) ต่อตัว มีโรงพยาบาลและคลินิคสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ได้รับการจดทะเบียนกว่า 42 แห่ง ทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อาศัยแมวเป็นจุดขาย เช่น ถนนแมวติ่งเอ้าไจ่ (顶澳仔猫街) พิพิธภัณฑ์แมวเหมียว (猫咪博物馆) ตลอดจนธุรกิจคาเฟ่แมวกว่า 37 แห่ง 

นอกจากนี้ ภายในเมืองเซี่ยเหมินยังมีการจัดนิทรรศการสัตวเลี้ยงประจำปี โดยเฉพาะการจัดแสดงสินค้าที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเศรษฐกิจแมว อย่างนิทรรศการอุตสาหกรรมเศรษฐกิจแมว CEIE (猫经济产业创新博览会) หรือ นิทรรศการแมว (猫博会) ที่จัดในช่วงเดือนมีนาคมของทุกปี ซึ่งรวบรวมผู้ประกอบการด้านสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์สำหรับแมวกว่า 2,000 รายการ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 20,000 คน ทั้งยังมีการจัดการประกวดชนิดพันธุ์แมว การแสดงปีนป่าย และการเปิดคูหาจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแมว 

ผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจส่งออกอาหารแมวและผลิตภัณฑ์สำหรับแมวในตลาดจีนโดยเฉพาะในมณฑลฝูเจี้ยนและเจียงซี สามารถใช้นิทรรศการดังกล่าวเป็นช่องทางในการสำรวจตลาด และศึกษาแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมวงการเศรษฐกิจแมวในประเทศจีนได้


สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซี่ยเหมิน มีความเห็นว่า  “เศรษฐกิจแมว” หรือ อุตสาหกรรมสินค้าและการบริการสำหรับแมวในประเทศจีนยังคงเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ และคาดว่าจะมีการขยายขอบเขตของสินค้าและบริการให้มีความครอบคลุมอย่างครบวงจรในอนาคตต่อไป 

โดยกลุ่มผู้เลี้ยงแมวในปัจจุบันมีความกำลังซื้อ และในขณะเดียวกันก็มีความต้องการที่หลากหลาย ละเอียดอ่อน และให้ความใส่ใจพิถีพิถันกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับแมวที่มีความปลอดภัยสูง ทำให้ “เศรษฐกิจแมว” มีอัตราการเติบโตมากเป็นพิเศษกว่าธุรกิจสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นอย่าง สุนัข หรือ ปลาสวยงาม

ดังนั้นผู้ประกอบการไทยด้านผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงสามารถอาศัยจุดแข็งของประเทศไทยที่มีวัตถุดิบและระบบการการผลิตที่มีมาตรฐาน รวมถึงการใช้ผลการวิจัยด้านโภชนาการสำหรับแมว และใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ร่วมด้วย เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการเจาะตลาดอาหารแมวในประเทศจีน โดยอาจใช้กรณีศึกษาของแบรนด์อาหารแมวชื่อดังอย่างเซียนหล่าง ในการปรับปรุงพัฒนาวงการผลิตภัณฑ์อาหารแมวในประเทศไทยเพื่อเจาะตลาดจีนต่อไป

สำหรับการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารแมวของไทยไม่ข้อมูลแยกเฉพาะ มีแต่ข้อมูลที่รวมอยู่ในหมวดการส่งออกสินค้าอาหารสุนัขและแมว (พิกัดศุลกากร 230910)  ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า  ในปี 2567 ไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมว อันดับที่ 2 ของโลก ด้วยมูลค่า 2,677.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 29 เทียบกับปีก่อนหน้า และมีสัดส่วนร้อยละ 10 ของมูลค่าส่งออกอาหารสุนัขและแมวของทั้งโลก ตามหลังเยอรมนี ที่ครองอันดับที่ 1 มาหลายปี โดยเยอรมนีส่งออกเป็นมูลค่า 3,282.69 ล้านเหรียญสหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 12.3 ของมูลค่าส่งออกรวมของโลก)  สำหรับประเทศผู้ส่งออกสำคัญอื่น ๆ รองลงมา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (มูลค่าการส่งออก 2,520.71 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 9.4) โปแลนด์ (มูลค่าการส่งออก 2,408.40 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 9.0) และฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 2,307.87 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 8.6) 

ส่วนข้อมูลล่าสุดการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปี 2568 ไทยส่งออกอาหารสุนัขและแมวเป็นมูลค่า 1,685.74 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 10.72 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า  

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์  ระบุว่า หากสามารถสร้างมาตรฐานและภาพลักษณ์สินค้าไทยด้วยการวิจัยและพัฒนา เพิ่มสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศ สร้างสรรอาหารสัตว์เลี้ยงรูปแบบใหม่ ๆ ที่เสริมสร้างสุขภาพและให้คุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย เพื่อสามารถเข้าถึงตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่มแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของการส่งออกอาหารสุนัขและแมวของโลกได้ในไม่ช้า


 


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง