หมอยง ชี้ ไทยยังไม่เข้าสู่การระบาดโควิดระลอก 2

วันนี้ (21 ส.ค.63) ที่ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา พบว่า ประเทศไทยถือว่าควบคุมได้ดีมาก เป็น 1 ใน 7 ประเทศ ที่องค์การอนามัยโลกชื่นชม ซึ่งแต่ละประเทศจะมีมาตรการที่ควบคุมโรคแตกต่างกันออกไป
สำหรับประเทศไทย การระบาดระลอกแรก เริ่มเมื่อต้นเดือนมีนาคม และสิ้นสุดปลายเดือนเมษายน ทั้งหมดมาจากการควบคุมโรค การป้องกันที่คนไทยทุกคนช่วยกัน ทำให้ตอนนี้การระบาดของเชื้อในประเทศไม่พบ มีแต่ผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศที่เข้าสู่สถานกักกัน
ทั้งนี้ ในแต่ละประเทศ มีการระบาดอย่างหนัก กว่า 22 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 7.7 แสนคน หรือ เพิ่ม 4 วัน 1 ล้านคน คาดการณ์ สิ้นปี 2563 จะมีผู้ป่วยติดเชื้อทั่วโลก 50 ล้านคน และเชื่อว่าสิ้นปีนี้ทั่วโลกจะมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
ขณะที่ ในประเทศไทย จะให้โควิด-19 เป็นศูนย์คงเป็นไม่ได้ การต่อสู้ในครั้งนี้ เปรียบเสมือนการวิ่งมาราธอน ต้องมีการผ่อนหนัก สิ่งสำคัญทุกคนต้องอยู่ให้ได้ ต้องมีจุดสมดุลร่วมกัน
ถึงแม้พบผู้ป่วยโควิดรายใหม่ในประเทศ แต่หากอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ก็ไม่น่ากังวล ต้องยอมรับการที่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ ต้องดำรงชีวิตต่อไป เพียงแต่ต้องปรับการดูแลป้องกันตนเองเพิ่มขึ้น
ศ.นพ.ยง ยังย้ำด้วยว่า ถึงแม้จะมีเคสหลุดเข้ามาในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช่องการเดินทางอะไรก็แล้วแต่ สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องควบคุมให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้าง
ขณะที่ ประเด็นการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 หากกลายพันธุ์แล้วจะมีความรุนแรงโรคมากขึ้นหรือไม่นั้น ศ.นพ.ยง อธิบายว่า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายล้วนมีวิวัฒนาการตามธรรมชาติเป็นเรื่องปกติ ไวรัสเอง การกลายพันธุ์ก็เป็นเรื่องปกติเช่นเดียวกัน
จากข้อมูลการศึกษา พบว่า จุดเริ่มต้นของโควิด-19 ที่พบในประเทศจีนเป็นสายพันธุ์ S และ L ต่อมาเมื่อมาแพร่ระบาดในประเทศไทย ยังพบว่าช่วงแรก เป็น กลุ่มโควิด-19 สายพันธุ์ S และมีวิวัฒนาการเป็นสายพันธุ์ T ที่พบมีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโน 1 ตำแหน่ง แต่ไม่ได้ระบุถึงความรุนแรงของโรคที่เปลี่ยนแปลงไป
ส่วนในฝั่งยุโรปนั่นพบเป็นไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ G และ V ซึ่งการแบ่งสายพันธุ์นั้น จะทำให้สามารถระบุได้ว่าไวรัสที่เจอมาจากที่ใด แต่ก็ไม่มีข้อมูลระบุชัดว่าสายพันธุ์ไหนจะมีระดับความรุนแรงของโรคมากกว่ากัน และคาดการณ์ว่าหากมีระบาดระลอก 2 ในประเทศไทย จะเป็นสายพันธุ์ G
ทั้งนี้ หลังจากที่เชื้อโควิด-19 ระบาดจากจีน เข้าสู่ประเทศต่างๆ ในระยะแรกพบว่า สายพันธุ์มีที่มาจากประเทศจีน แต่เชื้อนี้เมื่อระบาดสู่ยุโรป นักวิทยาศาสตร์พบว่ามีกลายพันธุ์ 1 ตำแหน่ง ที่เรียกว่า "D614G" การกลายพันธุ์นี้เองไม่ได้ทำให้เกิดความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่ทำให้การติดเชื้อง่ายขึ้น จึงมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในยุโรป
อย่างไรก็ตาม เชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ตัวนี้ ไปอยู่ที่ไหนก็ตาม ไม่ได้ทำให้ความรุนแรงต่อโรคต่างกัน โอกาสเป็นปอดบวม โอกาสหายใจล้มเหลวไม่ต่างกัน
ส่วนกรณีผู้ติดเชื้อ 2 รายล่าสุด เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ และยังไม่ถือเป็นการระบาดระลอก 2 ในประเทศไทย แต่หากจะมีการระบาดระลอก 2 นั้น ต้องเป็นการติดต่อกันในประเทศ จากรุ่นสู่รุ่น เป็นกลุ่มก้อน แต่หากเจอผู้ติดเชื้อ 1 คน แล้วสามารถควบคุมได้ไม่ให้แพร่กระจายก็ไม่ถือว่าเป็นการระบาดระลอก 2
อย่างไรก็ตาม ศ.นพ.ยง ได้เน้นย้ำประชาชน ยังคงต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย และเข้มงวดในมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คนไทยต้องอยู่ให้ได้! คาด "โควิด" ระบาดยาวนาน 2 ปี ไม่มีทางลดเหลือศูนย์
กรมวิทย์ฯ ชี้ เรื่องปกติเจอซากเชื้อโควิด ตรวจพบได้นาน 3 เดือน
ไขข้อสงสัย! ความเป็นไปได้พบเชื้อโควิด-19 หลังพ้นกักกันโรคแล้ว14วัน
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
