รีเซต

รวบหนุ่ม 38 รวมหัวเพื่อน ปลอมเฟซบุ๊ก ตุ๋นขายกระเป๋าแบรนด์เนม พบคดีติดตัวอื้อ

รวบหนุ่ม 38 รวมหัวเพื่อน ปลอมเฟซบุ๊ก ตุ๋นขายกระเป๋าแบรนด์เนม พบคดีติดตัวอื้อ
ข่าวสด
20 กุมภาพันธ์ 2564 ( 05:48 )
156

รวบหนุ่ม 38 รวมหัวกับเพื่อนหนีคดีที่ฮ่องกง ปลอมเฟซบุ๊ก หลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนม โอนเงินผู้เสียหายซื้อของไปขายต่อ พบมีคดีฉ้อโกงอีกเพียบ

 

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 20 ก.พ. 2564 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น.หัวหน้าชุดปฏิบัติการเทคนิคและสืบสวนที่ 2 พ.ต.อ.ธีรศักดิ์ จันทราพิพัฒน์ ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.วรปรัชญ์ วุฑฒิรักษ์ พ.ต.ท.ชิษณุพงศ์ ไหวดี รอง ผกก.สส.4 บก.สส.บช.น.

สั่งการให้ พ.ต.ต.อภิสิทธิ์ ธัยยามาตร์ สว.กก.สส.4 บก.สส.บช.น. และชุดสืบสวนกก.สส.4 บก.สส.บช.น. จับกุม นายเฉลิมพล หันจรัส อายุ 38 ปี ชาว จ.ศรีสะเกษ ตามหมายจับของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.71/2564 ลงวันที่ 18 ก.พ.ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” จับกุมได้ที่ตลาดนัดมะลิ ซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวน 2 ราย เข้าแจ้งความที่ สน.ปทุมวัน ว่า ประมาณวันที่ 27 ธ.ค.63 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ“Settapol Mongkol” ประกาศขายกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ “Prada” โดยมีการวิดีโอคอลพูดคุยแสดงว่ามีสินค้าจริง เมื่อโอนเงินให้แล้วจำนวน 60,000 บาท กลับไม่ส่งสินค้าให้ ซึ่งผู้เสียหายทั้ง 2 รายยืนยันว่าเป็นเฟซบุ๊กเดียวกัน จึงรวมกันมาแจ้งความเพื่อให้ติตดามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศปอส.ตร. และ บก.สส.บช.น. ดำเนินการสืบสวนติดตามผู้กระทำความผิด แกะรอยหลักฐานต่างผ่านข้อมูลการธุรกรรมการเงินเป็นเวลาหลายเดือน จนทราบว่าผู้กระทำความผิดดังกล่าว นายเฉลิมพล หันจรัส กระทั่งจับกุมได้บริเวณตลาดนัดมะลิ ใกล้เมืองทองธานี ระหว่างเปิดร้านขายสเก็ตบอร์ด

สอบสวนนายเฉลิมพลให้การรับสารภาพว่า ได้รู้จักกับบุคคล 2 คน คบหาเป็นเพื่อนกัน คนแรกทราบชื่อ คือนายอัฑฒคุณ หรือกอล์ฟ สุวรรณาอัฑฒ์ อายุ 32 ปี ปัจจุบันพักอาศัยอยู่ที่ประเทศฮ่องกง และ คนที่สอง นายธนพล หรือฟาร์ม อิ่มอรชร อายุ 23 ปี โดยนายเฉลิมพลและเพื่อนได้ร่วมกันปลอมเฟซบุ๊กเป็นบุคคลอื่น จำนวนหลายชื่อ และใช้ร่วมกัน เช่น “Settapol Mongkol” , “Boyboys Porter” , “Maxx Strixx” , “William Hornman”, “Pee Thanin” , “Jimmy Stark” และอีกหลายชื่อ

โดยนายเฉลิมพลและเพื่อน ได้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวร่วมกัน เพื่อขายสินค้า และตอบลูกค้า โดยนายอัฑฒคุณ ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ประเทศฮ่องกง ได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Settapol Mongkol” โพสต์ขายกระเป๋าแบรนด์เนม ยี่ห้อ Prada จนมีผู้สนใจสินค้า ซึ่งเป็นผู้เสียหายรายแรก ติดต่อเข้ามาทางแชตข้อความขอซื้อสินค้า โดยนายอัฑฒคุณจะทำหน้าที่ติดต่อพูดคุยขายกระเป๋า โดยวิธีการวิดีโอคอล ให้ดูสินค้า จนผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีสินค้าจริง

 

จากนั้นนายอัฑฒคุณให้นายเฉลิมพลซึ่งใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Maxx Strixx” ติดต่อขอซื้ออะไหล่รถ จากผู้ประกาศขายสินค้าทางเฟซบุ๊ก เมื่อตกลงซื้อขายอะไหล่รถในราคา 30,000 บาท กันแล้ว นายอัฑฒคุณ จะหลอกให้ผู้เสียหายที่ขอซื้อกระเป๋า โอนเงินค่ากระเป๋าราคา 30,000 บาท ไปยังบัญชีของผู้ประกาศขายสินค้าอะไหล่รถ เพื่อให้ผู้ประกาศขายอะไหล่รถหลงเชื่อว่า ได้ชำระค่าสินค้าแล้ว จากนั้นนายเฉลิมพลจะติดต่อพนักงานรับส่งของไปรับอะไหล่จากผู้ขายมา เพื่อนำไปขายต่อ โดยผู้เสียหายรายแรกที่ขอซื้อกระเป๋า แต่ไม่ได้กระเป๋า

ต่อมามีผู้เสียหายรายที่ 2 ติดต่อขอซื้อกระเป๋าทางเฟซบุ๊กชื่อ “Settapol Mongkol” อีกครั้ง โดยนายอัฑฒคุณได้ใช้วิธีการเดิม จนผู้เสียหายรายที่ 2 หลงเชื่อ นายอัฑฒคุณจึงให้นายเฉลิมพลโทรคุยกับผู้เสียหายรายที่ 2 เพื่อติดต่อซื้อขายกระเป๋าทางโทรศัพท์ ต่อมานายเฉลิมพลได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Maxx Strixx” ติดต่อขอซื้อโทรศัพท์ไอโฟนรุ่น 12 โปรแม็กซ์ จากผู้ประกาศขายโทรศัพท์ทางเฟซบุ๊กอีกราย

เมื่อตกลงซื้อโทรศัพท์เรียบร้อยแล้ว นายเฉลิมพลจะติดต่อให้ผู้เสียหายรายที่ 2 โอนเงินค่ากระเป๋า ไปยังบัญชีของผู้ประกาศขายสินค้าอะไหล่รถครั้งแรกอีกครั้ง จำนวน 30,000 บาท ซึ่งนายเฉลิมพล ได้โทรไปยังผู้ประกาศขายสินค้าอะไหล่รถว่า โอนเงินผิดบัญชีไปจำนวน 30,000 บาท ให้ผู้ประกาศขายสินค้าอะไหล่รถโอนเงินคืนให้นายเฉลิมพล ต่อมานายเฉลิมพลได้หลอกให้โอนไปยังบัญชีของผู้ประกาศขายโทรศัพท์ต่อไปอีก เพื่อหลอกว่านายเฉลิมพลได้ชำระค่าโทรศัพท์แล้ว

หลังจากนั้นนายเฉลิมพลได้ติดต่อพนักงานรับส่งของ ไปรับโทรศัพท์จากผู้ขายมาให้ที่บริเวณหน้าห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เมื่อได้รับโทรศัพท์แล้ว นายเฉลิมพลได้นำโทรศัพท์ไปแอบให้กับนายธนพลในห้องน้ำภายในห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ เพื่อให้นำโทรศัพท์ไปขายในห้างเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และนำเงินมาแบ่งกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ฉายานายเฉลิมพลว่าเป็นโจรสามเหลี่ยม หลอกโอนเงินเอาของทั้งอะไหล่รถและโทรศัพท์มือถือไปขายต่อ จากการหลอกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม

สอบสวนนายเฉลิมพล ให้การอ้างว่า สาเหตุที่ทำเพื่อต้องการใช้หนี้ให้นายอัฑฒคุณ เนื่องจากได้รู้จักกันขณะไปเที่ยวที่ประเทศฮ่องกง และเคยร่วมกันทำธุรกิจค้าขายที่ จ.เชียงใหม่ แต่นายเฉลิมพลเคยถูก สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ จับกุม กรณีมียาเสพติดไว้ในครอบครอง จนถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลาหลายปี นายอัฑฒคุณได้ช่วยประกันตัวนายเฉลิมพลไว้จำนวนเงิน 400,000 บาท จึงร่วมกันกระทำผิดเพื่อชดใช้หนี้ ปัจจุบันนายเฉลิมพลประกอบอาชีพขายของตามตลาดนัด และเคยก่อเหตุกับผู้อื่นอีกหลายราย

จากการตรวจสอบประวัติคดีเพิ่มเติมพบว่า นายเฉลิมพลยังมีคดีฉ้อโกงอยู่อีกหลายพื้นที่ มูลค่าความเสียหายรวมหลายแสนบาท เจ้าหน้าที่จึงแจ้งพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม รวมทั้งขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง ส่วนนายอัฑฒคุณ พบว่ามีหมายจับติดตัวอยู่ 16 คดี ซึ่งนายอัฑฒคุณใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “G's Fortyfour” และหลบหนีอยู่ในประเทศฮ่องกง แต่ยังกระทำการใช้เฟซบุ๊กปลอมหลอกขายสินค้าอย่างต่อเนื่อง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายเฉลิมพลส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจฝากแจ้งเตือนอย่าหลงเชื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ไม่แสดงตัวตนอย่างแท้จริง ให้เลือกผู้จำหน่ายสินค้าที่ไว้ใจได้ ตรวจสอบข้อมูลก่อนชำระค่าสินค้าโดยละเอียดต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง