“แอร์เอเชีย” ลุยไทยเต็มตัว ผนึก AOT ยกระดับดอนเมือง

#AAV #AOT #ทันหุ้น - ซีอีโอ Capital A ปรับโครงสร้างพร้อมโต วางเป้าปี 2569 ผลงานโดดเด่น เดินหน้าเปิดเส้นทางบินใหม่ ครอบคลุมเอเชียและยุโรป มองไทยศูนย์กลางการบินเอเชีย พร้อมจับมือ AOT ยกระดับดอนเมืองเป็น Full Aviation Hub ขณะเดียวกันเสนอปรับเพดานค่าธรรมเนียมและภาษีน้ำมัน ลดต้นทุนค่าตั๋วผู้โดยสาร เพิ่มความสามารถแข่งขันระดับสากล ย้ำชัดตลาดการบินยังโตต่อเนื่อง
นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แคปปิตอล เอ (Capital A ประเทศมาเลเซีย) แอร์เอเชีย บริษัทแม่ของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า กลุ่ม Capital A คาดว่ากระบวนการปรับโครงสร้างองค์กรจะเสร็จสิ้นในปี 2568 นี้ ดังนั้นตั้งแต่ปี 2569 เป็นต้นจะเป็นปีแห่งการเติบโตของทั้งกลุ่ม Capital A และกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย ที่จะขยายธุรกิจสายการบินให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น รวมถึงการประสานการบริการ – ขนส่งผู้โดยสารระหว่างสายการบินระยะสั้นและระยะไกลภายใต้แบรนด์เดียวกันให้ได้รับความสะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับในประเทศไทย
กลุ่ม Capital A เห็นถึงศักยภาพการเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานดอนเมืองซึ่งมีความพร้อมที่พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์กลางการบินที่สมบูรณ์แบบ (Full Aviation Hub) ซึ่งทางกลุ่ม Capital A อยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพื่อเสนอความพร้อมที่จะเข้าลงทุนโครงการคลังสินค้าหรือพัสดุโดยเครื่องบิน (Cargo) รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair, and Overhaul : MRO) รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคเอเชีย
“ปัจจุบันท่าอากาศยานดอนเมืองถือเป็น HUB ของสายการบินแอร์เอเชียที่มีศักยภาพสูง โดย AOT ก็อยู่ระหว่างจัดทำแผนการลงทุนภายในท่าอากาศยานแห่งนี้ทั้งระยะที่ 2 – 3 กลุ่มแอร์เอเชียจึงมีความสนใจที่จะร่วมพัฒนา ยกระดับท่าอากาศยานแห่งนี้ให้เป็นท่าอากาศยานที่สมบูรณ์แบบ”
* มองไทยศูนย์กลางการบินเอเชีย
นายโทนี่ กล่าวถึงภาพรวมอุตสาหกรรมการบินว่า ยังคงมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเส้นทางระหว่าประเทศเป้าหมายหลักของกลุ่ม Capital A เช่น อินเดีย ญี่ปุ่น อินเดีย บรูไน เวียดนาม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ ยังสามารถเติบโตเป็นอย่างดี ขณะที่ตลาดจีนแม้จะฟื้นตัวช้า แต่เชื่อว่าจะฟื้นตัวกลับมาต่อเนื่องได้
ทั้งนี้กลุ่ม Capital A อยู่ระหว่างศึกษาแผนการเปิดเส้นทางบินใหม่ให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศเป้าหมายที่มีศักยภาพมากขึ้น เมื่อสถานการณ์รัฐภูมิศาสตร์ในหลายพื้นที่เริ่มคลี่คลายลง อาทิ กรุงเทพฯ - มอสโก พร้อมกันนี้ ได้เสนอแนะให้รัฐบาลไทยเร่งฟื้นความเชื่อมั่นในตลาดจีน ควบคู่เร่งสร้างประเทศไทยให้สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับโลก เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีเสน่ห์ทางวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่เป็นธรรมชาติ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ แหล่งช็อปปิ้ง - จับจ่ายใช้สอย มีอาหารหลากหลาย ฯลฯ
“รายได้จากการท่องเที่ยวมีสัดส่วนราว 50% ของ GDP ทั้งยังสร้างให้เกิดการจ้างงานอีกกว่า 70% ที่อยู่ในภาคบริการ ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สำหรับแอร์เอเชียไม่เคยยอมแพ้ในตลาดจีน เพราะเป็นตลาดที่สำคัญของแอร์เอเชีย เราต้องช่วยกันฟื้นความเชื่อมั่นของประเทศให้กลับมา ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม หากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค”
*เสนอปรับค่าธรรมเนียม
นอกจากนี้ นายโทนี่ ยังเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับเพดานค่าธรรมเนียม อาทิค่าธรรมเนียมภายในท่าอากาศยานที่มีทั้งในส่วนของผู้ให้บริการ อาทิ AOT กรมการบินพลเรือน บริษัทวิทยุการบิน จำกัด ฯลฯ รวมถึงอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันอากาศยาน ซึ่งปัจจุบันจัดเก็บอยู่ในอัตรา 4.726 บาทต่อลิตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถแข่งขันกับท่าอากาศยายนานาชาติระดับโลกได้
“การคิดค่าบริการ การเก็บภาษี ล้วนเป็นการผลักภาระไปที่ผู้บริโภค เนื่องจากผู้ให้บริการก็ต้องส่งต่อต้นทุนเหล่านี้เข้าไปในค่าตั๋วโดยสาร ดังนั้นหากรัฐบาลพิจารณาจัดเก็บในอัตราที่เหมาะสม ผู้บริโภคก็แบกรับภาระเหล่านี้น้อยลง กลุ่มเป้าหมายก็จะขยายฐานลงไปทั่วถึงคนทุกกลุ่มที่ต้องการเดินทาง”
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
