พี่ฟ้องไล่ที่น้องแท้ๆ แม้พ่อแม่อนุญาตให้อยู่ สุดทนกั้นลวดหนามขวางทาง ต้องคลานเข้า-ออกบ้าน
เมื่อวันที่ 13 พ.ค. นายรัฐวิชญ์ จิตติชาตรีพงษ์ คณะทำงานประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี( มท. ) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางวิมล เรือง ผู้ร้องจากกรณีเรื่องดินสปก.4-01 กรณีพิพาทที่ดินเกิดขึ้นที่ บ้านกุดเวียน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว เรื่องมีอยู่ว่าที่ดินส.ป.ก.แปลงเลข2เลขที่13 อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีเนื้อที่14ไร่73ตารางวา เป็นที่ดินของนายละมุล หาญประสพ ซึ่งเป็นบิดาของผู้ร้อง ได้รับการอนุมัติจัดสรรให้ทำมาหากินในพื้นที่มาตั้งแต่ปี2527
ต่อมานายละมุลเสียชีวิต ที่ดินแปลงดังกล่าวตกทอดมายังนางเชื่อม หาญประสพ ที่เป็นภรรยา และก็เป็นมารดาของผู้ร้อง ได้มีการจดทะเบียนกันเรียบร้อยเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม2558 นางเชื่อมได้ให้ผู้ร้องเข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินจำนวน 4 ไร่ โดยไปทำเกษตรกรรมตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงจนประสบความสำเร็จอย่างมากถึงขั้นทางอำเภอและจังหวัดสระแก้วยกให้เป็นศูนย์เรียนรู้เกษตรพอเพียงตามแนวพระราชดำริ มีชื่อเสียงคนมาดูงานตลอดทั้งปี
แต่ปรากฏว่าต่อมามารดาซึ่งชราภาพแล้วก็ได้ทำเรื่องโอนที่ดินให้กับนางบุญทิน หาญประสพ ซึ่งเป็นพี่สาว โดยคิดว่าต้องการให้พี่สาวได้จัดการแบ่งที่ดินจำนวน14ไร่กว่านี้ให้น้องๆไปทำมาหากินตามปกติ ซึ่งพี่สาวเองได้รับปากว่าจะแบ่งให้ แต่เมื่อมารดาเสียชีวิตลงเมื่อปี2561 เกิดปัญหาข้อพิพาทอย่างรุนแรง ระหว่างพี่สาวกับน้องสาว
ความขัดแย้งระหว่างพี่กับน้องรุนแรงถึงขั้นเอาลวดหนามมาปิดทาง-เข้า-ออกบ้านของผู้ร้อง ทั้งยังได้แจ้งความให้สอบสวนคดีข้อหาบุกรุกในที่ดินดังกล่าวทั้งๆที่ผู้ร้องกับสามีและลูกทำมาหากินมากว่า10ปีแล้ว แล้วมีป้ายมาปิดเส้นทางเข้า-ออก ส่งผลกระทบในการเดินทาง ลูกสาวที่ไปโรงเรียนจะต้องเดินผ่านไร่ข้าวโพด ยิ่งฝนตกเกิดความลำบากอย่างมาก สำคัญกว่านั้นพื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงประจำอำเภอตาพระยา มีนักเรียนผู้นำชุมชนจากที่ต่างๆมาเรียนรู้งานด้านเกษตร เลี้ยงหมู เลี้ยงปลา ปลูกพืชต่างๆตามแนวพระราชดำริทุกอย่างกำลังเติบโตและได้รับการพัฒนาไปมาก ได้รับรางวัลหลายอย่าง
เพราะปัจจุบันนางวิมล เรือง ได้แต่งตั้งทนายเพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลจังหวัดสระแก้ว และทนายได้ยื่นขยายเวลาภายในสองเดือนโดยสิ้นสุดภายในเดือน 26 มิถุนายน 63 แต่นางบุญทิน หาญประสพ ผู้เป็นพี่ไม่ยอมรอคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ กลับเอารั้วลวดหนามมาปิดกั้นทางเข้าออกอีก จนนางวิมล เรือง ผู้เป็นน้องทนไม่ได้จึงได้มาร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสภ.ตาพระยาเพื่อให้เรียกนางบุญทิน หาญประสพ เพื่อทำการเอารั้วลวดหนามออกก่อนจนกว่าจะสิ้นสุดคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์