รีเซต

คืบหน้า สาวพนักงานห้างมีรายได้วันละ 300 กว่าบาทถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท

คืบหน้า สาวพนักงานห้างมีรายได้วันละ 300 กว่าบาทถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท
77ข่าวเด็ด
8 กรกฎาคม 2563 ( 12:20 )
181
คืบหน้า สาวพนักงานห้างมีรายได้วันละ 300 กว่าบาทถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท

คืบหน้า จากกรณี สาวพนักงานห้างมีรายได้วันละ 300 กว่าบาทถูกสรรพากรฟ้องเรียกเก็บภาษี 32 ล้านบาท ล่าสุด ดร.เกรียงศักดิ์  พินทุสรศรี ได้เตรียมพา น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ  ผู้ถูกกล่าวหา เดินทางเข้ายื่นขอความเป็นธรรมที่อัยการมีนบุรี เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้องหรือเลื่อนขยายการขึ้นศาลอาญามีนบุรีไปก่อน ด้าน น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ  ผู้ถูกกล่าวหา ได้ยืนยันว่าไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวและไม่รู้จักและไม่เคยทำธุรกิจในคดีนี้แต่อย่างใด แถมยังมีฐานะยากจน

จากกรณีที่ น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ อายุ 34 ปี พนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้างแห่งภายในห้าง ย่านสมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าพบ นายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือ ภายหลังจากตนเอง ตกเป็นผู้ต้องหาคดี แจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรฯ กว่า 32 ล้านบาท ทั้งที่ไม่เคยไปเปิดกิจการและจดทะเบียนตั้งบริษัทอะไรมาก่อน

น.ส.นันทวรรณ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 29 เม.ย.59 ได้มีหมายเรียก จากกองกับกับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ ส่งมาที่บ้าน ให้ตนเข้าให้ปากคำพนักงานสอบสวน หลังจาก กรรมสรรพากรได้แจ้งความกล่าวหาว่า ตนเอง เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท บีอีเอ็มซี จำกัด ถูกกรรมสรรพากร ได้กระทำความผิดความผิดอาญาตามกฎหมายประมวลรัษฎากร ต่อมา จึงได้เดินทางไปพบนักงานสอบสวนที่ บก.ปอศ ตามหมายนัด  โดยที่ตนเองเมื่อ 4 ปีก่อนตนเองเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอยู่ที่บ้าน แล้วล่าสุดที่ตนเองได้หมายเรียกใบที่ 2 ตนเองก็บอกเจ้าหน้าที่ว่าตนเองเป็นพนักงานขายของอยู่ในห้างสรรพสินค้า ที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้ายีห้อหนึ่ง ตนเองก็มีเงินเดือนเท่านี้ ที่ทางเจ้าหน้าที่เรียกเก็บมาขนาดนี้ตนเองไม่มีให้ เราจะไปสู้คดียังไงเรายังไม่รู้ ทางเจ้าหน้าที่เป็นข้อหาที่ตนเองรับได้และใช่ชีวิตตามปกติได้ แค่ให้มาตามนัดและอย่าขาดการติดต่อ โดยตนเองยืนยันว่าตนเองบอกเจ้าหน้าที่หมดแล้ว ว่าตนเองทำอะไรและไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว ส่วนเรื่องคดีต้องปล่อยให้ทางทนายเป็นผู้ที่จัดการ โดยเบื้องต้นได้เตรียมเอกสารสารต่างๆ เพื่อไปชี้แจ้ง โดยจากการเช็คตนเองไม่ได้มีชื่ออยู่ในบริษัทดังกล่าวและไม่มีการเกี่ยวข้องกับบริษัทดังกล่าว และต้องขอขอบคุณทางทนายเกรียงศักดิ์ และพี่นักข่าวที่เข้ามาช่วยเหลือ ตนเองยืนยันว่าตนเองไม่เคยเป็นประธานบริษัทดังกล่าว

ล่าสุดในวันพรุ่งนี้ที่ 9 กรกฎาคม 2563 เวลา 09.00 น ทนาย ดร.เกรียงศักดิ์  พินทุสรศรี ได้เตรียมพา น.ส.นันทวรรณ คุ้มศิริ  ผู้ถูกกล่าวหา เดินทางเข้ายื่นขอความเป็นธรรมที่อัยการมีนบุรี เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้องหรือเลื่อนขยายการขึ้นศาลอาญามีนบุรีไปก่อน ซึ่งตามใบนัดจะต้องขึ้นศาลในวันที่ 13 ก.ค. 2563 โดยนางสาวนันทวรรณ  คุ้มศิริ ไม่ได้เป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวและไม่รู้จักและไม่เคยทำธุรกิจในคดีนี้แต่อย่างใด แถมยังมีฐานะยากจนไม่มีเงินไม่มีรายได้อะไรเลยแต่ต้องมาถูกดำเนินคดีข้อหาแจ้งข้อความเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร  ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบว่า นางสาวนันทวรรณ ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 2 ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ถ้าในวันที่ 13 ก.ค. 63 อัยการสั่งฟ้อง นางสาวนันทวรรณ ที่ตกเป็นจำเลยที่ 2 อาจจะต้องติดคุกเพราะไม่มีเงินประกันตัว เนื่องจากยอดเงินที่ฟ้องเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง 32 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง