ประสบการณ์ติดโควิด! "หมอธีระวัฒน์" แชร์บทเรียน 7 ข้อเตือนคนไทย
วันนี้( 11 ก.ค.65) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ “หมอธีระวัฒน์” ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก
"ประสบการณ์หมอเองติด โอมิครอน BA.4/5 หมอเองติดไปแล้วตั้งแต่ 10 มิถุนายน และเช่นเดียวกับอีกหลายคน ตั้งแต่ค้นเดือนมิถุนายน แม้ว่าหลายคนจะฉีดเข็มที่สี่หรือห้าหรือหกไปแล้วพิสูจน์ว่า วัคซีนกัน “การติด” โอมิครอนไม่ดี โดยเฉพาะสายย่อยนี้
แต่อานิสงส์ของการฉีดวัคซีน ”สามเข็มโดยเข็มสุดท้ายเป็น mRNA” จะลดความเสี่ยงอาการหนักได้ แต่ถ้าอาการมากขึ้นอย่านิ่งนอนใจ ถ้าฉีดเชื้อตายให้เริ่มนับใหม่ ถ้าฉีด AZ ต้องตามด้วย mRNA และถ้าจะให้หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของวัคซีนให้ได้มากที่สุดควรต้องฉีด ”ชั้นผิวหนัง”
สรุป บทเรียนจากเดือน มิ.ย. นี้จากตัวเองและรอบข้างที่ติด
1- อย่าเชื่อ ATK ถ้ายังขีดเดียวและมีอาการไม่สบายให้รีบแยกตัว
เริ่มฟ้าทะลายโจร อย่ากินตามฉลาก ให้เทียบว่ายี่ห้อนั้นมี แอนโดรกราโฟไลท์ เท่าไหร่ ให้ทาน = 60 มก. เช้า กลางวัน เย็น 5 วัน ในเด็กทาน 10 มก. เช้า กลางวันเย็น 5วันเช่นกัน สังเกตตนเอง ถ้าเริ่มแย่ลง เอาไม่อยู่ให้เรียกเพื่อน ส่งรพ. (ตลอดเดือน ก.ค. ถึง วันที่ 10 ก.ค. นี้ รพ.มักเต็ม รอคิวเพียบ)
2- ฟาวิพิราเวียอาจได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ อย่าชะล่าใจ ตามที่คณะของเราได้เคยรายงานไปแล้วว่าเริ่มดื้อมานานพอควรแล้ว ทั้งนี้ แม้ว่ารักษาทันที ตั้งแต่วันแรก ใช้ยาถูกขนาด แต่รหัสพันธุกรรมตั้งแต่สมัยอัลฟา และ เดลต้า ผันแปรไปจากเดิมเยอะมากและเมื่อรักษาไปครบห้าวันกลับไม่ได้ผล อาการปอดบวมมากขึ้นโดยมีรหัสพันธุกรรมเปลี่ยนแปลงไปอีกมากและต้องทำการเปลี่ยนยาใช้ ยาฉีด remdesivir
3- ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด เมื่อไม่สบาย และคิดว่าอาการไม่หนัก ทั้งนี้คงจำกันได้ โควิดทำให้ออกซิเจนต่ำโดยไม่รู้ตัว (happy hypoxemia) หมอเอง ต้องเดิน 6 นาทีความอิ่มตัวของออกซิเจนเริ่ม