มีไข้ ผื่นหรือตุ่มขึ้น ปวดเมื่อย เช็กอาการเข้าข่ายผู้ป่วยต้องสงสัย "ฝีดาษลิง"
กรมการแพทย์ ออกแนวทางปฏิบัติการวินิจฉัย การดูแลรักษา หากผู้ป่วยที่สงสัยโรค "ฝีดาษลิง" ให้นำตัวเข้ารับการรักษาทันที ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการและควบคุมสอบสวนโรค ซึ่งผลจากห้องปฏิบัติการเร็วสุดจะออกใน 3-4 ชั่วโมง หรือ 1 วัน
วันนี้ (3 ส.ค.65) นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า แนวทางการรักษาและดูแลผู้ป่วย เบื้องต้นเมื่อพบผู้ป่วยที่สงสัยโรคฝีดาษลิง ให้นำตัวเข้ารับการรักษาทันที ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามอาการและควบคุมสอบสวนโรค ซึ่งผลจากห้องปฏิบัติการเร็วสุดจะออกใน 3-4 ชั่วโมง หรือ 1 วัน
ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้เป็นแล้วหายเองไม่ต้องรับยาต้านไวรัส ดังนั้นจึงมีแนวคิดหากผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง ไม่มีโรคแทรกซ้อนอื่น ก็อาจให้กลับไปรักษาด้วยวิธี Home Isolation
กรมการแพทย์ ได้เผยแพร่แนวทางปฏิบัติการวินิจฉัยการดูแลรักษาและการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงฉบับวันที่ 31 กรกฎาคม 2565 โดยมีการระบุว่า โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่อาการไม่รุนแรงหายเองได้
แต่จะมีอาการรุนแรงในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและเด็กเล็ก โดยมีอัตราการตายต่ำร้อยละ 5 ระยะเวลาของโรคฝีดาษลิงประมาณ 2-4 สัปดาห์ เนื่องจากโรคฝีดาษลิงซึ่งมีรายงานพบในประเทศไทยครั้งแรกดังนั้นจึงจำเป็นต้องรับผู้ป่วยไว้รักษาทุกรายขณะที่ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ 7-21 วัน
ขณะที่ "อาการฝีดาษลิง" ที่พบเริ่มจากผู้ป่วยเริ่มมีไข้ และผื่น จากตุ่มแดง ประมาณ 5-7 วันหลังรับเชื้อ และตุ่มจะเปลี่ยนเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง และแห้งเป็นสะเก็ด ตุ่มมีจำนวนมากน้อยตามความรุนแรงของโรคและร่างกายภาวะของผู้ป่วยด้วย รวมระยะเวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์
ส่วนการแพร่กระจายของเชื้อ ส่วนใหญ่ติดต่อจากการสัมผัสผู้ป่วยโดยตรง ใกล้ชิด หรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วย อาจมีการติดต่อทางละอองฝอยได้ โดยเฉพาะหากมีการทำหัตถการที่ทำให้เกิดละอองฝอยขนาดเล็ก
เช็กอาการเข้าข่ายผู้ป่วยต้องสงสัย "ฝีดาษลิง"
สำหรับผู้ป่วยสงสัยที่จะรับไว้พิจารณาอาการ คือ "มีไข้" หรือมีประวัติมีไข้ ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองบวมโต
หรือมีผื่นหรือตุ่มที่ผิวหนังตามลำตัวอวัยวะเพศ และรอบทวารหนัก หรือลักษณะของตุ่มนูน ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง หรือตุ่มตกสะเก็ด โดยเป็นผื่นระยะเดียวกันทั้งตัวหรือเป็นผื่นที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาปกติ.
ภาพจาก แฟ้มภาพ AFP