รีเซต

Rafale vs J-10C เปรียบเทียบศึกเครื่องบินขับไล่แห่งเอเชียใต้ อินเดียปะทะปากีสถาน

Rafale vs J-10C เปรียบเทียบศึกเครื่องบินขับไล่แห่งเอเชียใต้ อินเดียปะทะปากีสถาน
TNN ช่อง16
8 พฤษภาคม 2568 ( 17:40 )
17

ความตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถาน เครื่องบินขับไล่ถือเป็นหนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ โดยทั้งสองประเทศต่างเสริมศักยภาพทางอากาศด้วยเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูง 

ซึ่งในปัจจุบัน อินเดียประจำการเครื่องบิน Dassault Rafale จากฝรั่งเศส ขณะที่ปากีสถานเลือกใช้ Chengdu J-10C Vigorous Dragon จากจีน เรามาดูรายละเอียดเปรียบเทียบของทั้งสองรุ่นกัน

1. ข้อมูลพื้นฐานและผู้ผลิต

  • Rafale ผลิตโดยบริษัท Dassault Aviation ประเทศฝรั่งเศส เป็นเครื่องบินขับไล่ยุค 4.5 แบบสองเครื่องยนต์ (Snecma M88-2)

  • J-10C ผลิตโดย AVIC (Chengdu Aircraft) ประเทศจีน เป็นเครื่องบินขับไล่ยุค 4.5 เช่นกัน ใช้เครื่องยนต์ WS-10B หรือ AL-31FN

2. ความเร็วและพิสัยการบิน

  • ความเร็วสูงสุดของทั้งสองรุ่นใกล้เคียงกันที่ Mach 1.8 โดย Rafale ทำความเร็วได้ 2,222 กม./ชม. ส่วน J-10C อยู่ที่ 2,205 กม./ชม.

  • Rafale มีพิสัยการบินไกลกว่า โดยบินได้ถึง 1,850 กม. (เมื่อใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเสริม) ส่วน J-10C บินได้ประมาณ 1,200 กม.

3. อาวุธและเทคโนโลยี

  • Rafale สามารถติดตั้งอาวุธขั้นสูงอย่าง Meteor, MICA, SCALP, HAMMER โดยมีจุดเด่นคือ ขีปนาวุธ Meteor ที่มีระยะยิงไกลระดับต้น ๆ ของโลก

  • J-10C ติดตั้งขีปนาวุธ PL-15 และ PL-10 โดยมีจุดเด่นด้าน ความคล่องตัวสูง และ เรดาร์ AESA ขั้นสูง

4. จำนวนประจำการและราคา

  • อินเดียมี Rafale จำนวน 36 ลำ ประจำการในฝูงบินที่ 17 (Golden Arrows) และฝูงบินที่ 101 (Falcons) ราคาประมาณ 3,600–4,300 ล้านบาทต่อลำ

  • ปากีสถานมี J-10C จำนวน 25 ลำ ราคาประมาณ 2,200 ล้านบาทต่อลำ

ทั้ง Rafale และ J-10C ต่างเป็นเครื่องบินขับไล่ยุค 4.5 ที่มีจุดแข็งเฉพาะตัว Rafale เหนือกว่าด้วยพิสัยบินไกลและขีปนาวุธ Meteor ที่ทรงพลัง ขณะที่ J-10C ได้เปรียบในแง่ต้นทุนที่ต่ำกว่าและความคล่องตัว ทั้งสองจึงถือเป็นกำลังทางอากาศสำคัญในการรักษาสมดุลทางทหารในเอเชียใต้ที่ยังคุกรุ่น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง