รีเซต

ปอดพังวัย 14! บุหรี่ไฟฟ้าห้อยคอ จุดเริ่มโรค EVALI ร้ายแรง

ปอดพังวัย 14! บุหรี่ไฟฟ้าห้อยคอ จุดเริ่มโรค EVALI ร้ายแรง
TNN ช่อง16
22 เมษายน 2568 ( 09:06 )
16

เมื่อปอดเยาวชนถูกทำลายด้วยบุหรี่ไฟฟ้า

เคสเตือนภัยจากโรงพยาบาลเลย

วันที่ 22 เมษายน 2568 พญ.สุจิตรา เอกตาแสง แพทย์จากโรงพยาบาลเลย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังพบผู้ป่วยเด็กหญิงวัย 14 ปี เข้ารับการรักษาด้วยอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบากอย่างรุนแรง ตรวจพบว่าเป็นภาวะ EVALI (E-cigarette or Vaping product use-Associated Lung Injury) หรือโรคปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นเคสแรกในพื้นที่

เด็กหญิงรายนี้เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 13 ปี โดยใช้แบบ “ห้อยคอ” ทำให้สามารถหยิบสูบได้ทุกเมื่อที่ต้องการ เธอใช้เฉลี่ยเดือนละหนึ่งแท่ง หรือประมาณ 9,000 สูบต่อเดือน แม้จะหยุดใช้มาแล้วกว่า 2 เดือน เพราะร้านประจำหยุดขาย แต่อาการของเธอก็ยังไม่ดีขึ้น และต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน

EVALI ปอดบอกว่าไม่ไหว

EVALI คือภาวะปอดอักเสบเฉียบพลันที่เกิดจากการสูดสารเคมีในบุหรี่ไฟฟ้า โดยอาการของโรคมักคล้ายการติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น ไข้ หนาวสั่น ไอ เหนื่อย และปวดเมื่อย อีกทั้งยังพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ถึง 77% มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องเสียร่วมด้วย

ภาพเอกซเรย์และ CT Scan มักแสดงให้เห็นว่าปอดของผู้ป่วยมีลักษณะเป็นฝ้าขาว ซึ่งสะท้อนถึงการอักเสบอย่างรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาทันเวลา อาจนำไปสู่ภาวะหายใจล้มเหลวหรือเสียชีวิต

ศิริราชเตือนชัด บุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด

ข้อมูลจากโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ระบุว่า ความเข้าใจผิดว่า "บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวน" คือความเสี่ยงที่ใหญ่หลวง โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่มองผลิตภัณฑ์นี้ว่าเป็น “แฟชั่น” มากกว่า “ภัยสุขภาพ”

แม้บุหรี่ไฟฟ้าจะไม่ก่อให้เกิดน้ำมันดินและคาร์บอนมอนอกไซด์จากการเผาไหม้เหมือนบุหรี่ธรรมดา แต่ก็ยังมีสารพิษหลากหลายชนิด เช่น นิโคติน โลหะหนัก PM 2.5 สารก่อมะเร็ง และสารเคมีระคายเคืองต่อปอดที่สามารถกระตุ้นให้เกิด EVALI ได้โดยตรง

ศิริราชยังระบุ 5 ความเชื่อผิดที่พบบ่อย เช่น บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่, ไม่มีสารก่อมะเร็ง, ไม่ติด, และเป็นแค่ไอน้ำปลอดภัย ทั้งหมดนี้ล้วนขัดแย้งกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์

ปฏิบัติการรัฐ จับจริง ปราบจริง

ระหว่างวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ถึง 18 มีนาคม 2568 รัฐบาลไทยได้เปิดปฏิบัติการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มข้น โดยสามารถจับกุมได้ถึง 1,741 คดี มูลค่าของกลางกว่า 231 ล้านบาท และมีการปิดกั้นเพจและเว็บไซต์จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 9,500 รายการ

ต่อมาในช่วง 5 สัปดาห์แรกของการดำเนินการ ตัวเลขการจับกุมเพิ่มขึ้นเป็น 2,336 คดี คิดเป็นมูลค่าของกลางรวมกว่า 295 ล้านบาท สะท้อนถึงความจริงที่ว่าแม้บุหรี่ไฟฟ้าจะผิดกฎหมาย แต่ยังคงแพร่หลายในหมู่ผู้ใช้ โดยเฉพาะเยาวชน

รัฐบาลยังเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ สรรพสามิต ศุลกากร และกระทรวงสาธารณสุข เร่งดำเนินคดีอย่างจริงจัง พร้อมเปิด ช่องทางออนไลน์สำหรับประชาชนในการแจ้งเบาะแส เพื่อขยายผลไปยังผู้จำหน่ายรายใหญ่


กฎหมายไทยชัดเจน ห้ามนำเข้า-ห้ามใช้

ตามกฎหมายไทย บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าและจำหน่าย ผู้ครอบครองหรือใช้อาจถูกดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ซึ่งกำหนดโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากสูบในที่สาธารณะ ยังมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตาม พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังสะท้อนว่าการบังคับใช้กฎหมายยังไม่สามารถสกัดความนิยมของบุหรี่ไฟฟ้าในหมู่เยาวชนได้อย่างเบ็ดเสร็จ หากขาดการเสริมสร้างความเข้าใจและการให้ความรู้ที่ลึกซึ้งกับกลุ่มเป้าหมายโดยตรง

เด็กหญิงคนหนึ่ง กับคำถามใหญ่ของสังคม

เคสของเด็กหญิงวัย 14 ปีจากโรงพยาบาลเลย ไม่ใช่แค่ตัวเลขหนึ่งในรายงานโรค แต่มันคือเสียงจาก "ปอด" ที่ตะโกนเตือนสังคมว่าวิกฤตบุหรี่ไฟฟ้าคือเรื่องจริงที่กำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตประจำวันของลูกหลานเรา

คำถามสำคัญคือ—เราจะรอให้มี “เคสรุนแรง” อีกกี่ราย? ก่อนที่สังคมจะร่วมกันวางมาตรการเชิงรุกที่ไม่ใช่แค่ปราบปราม แต่รวมถึงการป้องกัน การให้ความรู้ และการเปลี่ยนแปลงทัศนคติจากรากฐานอย่างแท้จริง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง