เจ้าของรถยนต์ที่ประสบภัยน้ำท่วม โปรดระวัง! ห้ามสตาร์ทรถที่จมน้ำมานานเด็ดขาด หากไม่อยากยกเครื่องยนต์ใหม่

สถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ทำให้รถยนต์จำนวนไม่น้อยต้องจมอยู่ในน้ำเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ได้ออกโรงเตือนเจ้าของรถที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยเน้นย้ำถึง "ข้อห้ามที่สำคัญที่สุด" ซึ่งหากฝ่าฝืนอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า จนอาจต้องถึงขั้นยกเครื่องยนต์ใหม่สถานเดียว
คำเตือนสิ่งที่ห้ามทำกับรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม
ประเด็นที่ต้องเน้นย้ำเป็นอันดับแรกคือ ห้ามสตาร์ทรถหรือบิดกุญแจรถยนต์ที่จมน้ำมานานเด็ดขาด เนื่องจากในสภาวะที่น้ำเข้าสู่ห้องเครื่องยนต์แล้ว การสตาร์ทจะทำให้ก้านสูบคดงอหรือหักได้ทันที ซึ่งหมายถึงความเสียหายร้ายแรงที่ต้องนำไปสู่การยกเครื่องยนต์ใหม่เพื่อซ่อมแซมเท่านั้น
ข้อห้ามที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ การห้ามพ่วงแบตเตอรี่หรือจ่ายไฟเข้าระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เพราะมีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดการลัดวงจร ซึ่งจะทำลายวงจรไฟฟ้าที่มีความซับซ้อนภายในรถอย่างถาวร
และสุดท้าย คือ การห้ามลากรถโดยที่ล้อแตะพื้น หากรถยนต์คันดังกล่าวเป็นเกียร์อัตโนมัติ เพราะอาจเร่งให้ระบบเกียร์อัตโนมัติเสียหายหนักขึ้นไปอีก หากมีน้ำเข้าไปปะปนอยู่ในระบบเกียร์เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่ต้องทำทันทีเมื่อรถจมน้ำ
สิ่งที่ต้องทำเพื่อลดความเสียหายและป้องกันการลุกลาม เจ้าของรถที่ประสบเหตุน้ำท่วมควรดำเนินการตามขั้นตอนสำคัญทันที โดยเริ่มจาก การถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทั้งหมด ทั้งขั้วบวกและขั้วลบโดยเร็วที่สุด เพื่อตัดการจ่ายไฟและป้องกันการลัดวงจรที่อาจเกิดขึ้น
ลำดับถัดมา คือ การติดต่อบริษัทประกันภัย ของท่านเพื่อแจ้งเหตุและบันทึกความเสียหาย พร้อมทั้งขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ รวมถึงดำเนินการส่งเรื่องให้บริษัทจัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาดูแล และสิ่งที่เจ้าของรถสามารถทำได้เองเบื้องต้นคือ การประเมินความเสียหายเบื้องต้น ด้วยการถ่ายภาพและรวบรวมหลักฐานต่าง ๆ ไว้ให้ครบถ้วนก่อนเจ้าหน้าที่จะมาถึง
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับขีดจำกัดในการลุยน้ำ
ผู้ขับขี่ควรทราบว่า หากจำเป็นต้องนำรถลุยน้ำท่วม ไม่ควรให้ระดับน้ำเกิน ขอบล้อของรถยนต์ เนื่องจากเป็นระดับที่น้ำอาจเริ่มเข้าสู่ระบบท่อไอดี ระบบเครื่องยนต์ และระบบไฟฟ้าของรถได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเสียหายต่อรถยนต์ที่จมน้ำในที่สุด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
