รีเซต

"จุรินทร์" ดันมินิเอฟทีเอ "ไทย-กานซู่" ผูกข้อมือดันยอดค้า 1,265 ล้าน ใน 1 ปี ส่งสินค้าฮาลาลตีตลาด

"จุรินทร์" ดันมินิเอฟทีเอ "ไทย-กานซู่" ผูกข้อมือดันยอดค้า 1,265 ล้าน ใน 1 ปี ส่งสินค้าฮาลาลตีตลาด
มติชน
27 เมษายน 2565 ( 15:13 )
41
"จุรินทร์" ดันมินิเอฟทีเอ "ไทย-กานซู่" ผูกข้อมือดันยอดค้า 1,265 ล้าน ใน 1 ปี ส่งสินค้าฮาลาลตีตลาด

วันที่ 27 เมษายน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังเป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกับกรมพาณิชย์ มณฑลกานซู่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนายเริ่น เจิ้นเห้อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ ที่กระทรวงพาณิชย์ว่า ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ มีความหลากหลาย และมีจุดเด่นที่แตกต่างกันในแต่ละมณฑล ด้วยเหตุนี้ ตนจึงมีนโยบายให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำความร่วมมือกับมณฑลสำคัญของจีน เพื่อนำจุดเด่นของแต่ละมณฑลมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งมณฑลกานซู่จะมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน ทั้งจากไทยและอาเซียนสู่จีน ไปจนถึงเอเชียกลางและยุโรปตะวันออก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้าทางบก ที่สำคัญสายหนึ่งของโลกมาตั้งแต่อดีตกาล หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “เส้นทางสายไหม”

 

โดยในปัจจุบันได้ขยายจากเส้นทางทางบกไปสู่เส้นทางสายไหมทางทะเล และได้มีเส้นทางระเบียงการค้าเชื่อมทางบกกับทางทะเลระหว่างประเทศสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor: ILSTC) ที่มีจุดเริ่มต้นที่ท่าเรือชินโจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ผ่านนครฉงชิ่ง และเข้าสู่มณฑลกานซู่ เชื่อมต่อไปยังดินแดนทางทิศตะวันตกของจีน ซึ่งเป็นผลมาจากระบบขนส่งทางรางที่มีเครือข่ายครอบคลุมไปทั่วประเทศ โดยถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ระดับชาติในการพัฒนาความเชื่อมโยงจีนภายใต้นโยบายข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI)

 

สำหรับโอกาสทางการค้าไทย มีความโดดเด่นในสินค้าฮาลาล สินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป อาหารและโลจิสติกส์ ในขณะที่กานซู่เป็นมณฑลที่มีความโดดเด่นด้านการแพทย์แผนจีน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและวัตถุดิบสมุนไพรที่มีความหลากหลาย และยังเป็นแหล่งทรัพยากรด้านพลังงาน โดยเฉพาะพลังงานสะอาดซึ่งเป็นกระแสที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ

 

“ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอ็มโอยูด้านการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กับกรมพาณิชย์มณฑลกานซู่ ในวันนี้ จะช่วยขับเคลื่อนกิจกรรมทางการค้าระหว่างไทยและจีน และสามารถต่อยอดการค้าอีกไม่ต่ำกว่า 15 %หรือคิดเป็นมูลค่าการค้ารวม 1,265 ล้านบาท “ นายจุรินทร์ กล่าว

 

ด้านนายเริ่น เจิ้นเห้อ ผู้ว่าการมณฑลกานซู่ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าด้วยการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้าระหว่างกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์กับกรมพาณิชย์ มณฑลกานซู่ จะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายเพื่อให้ประสบผลสำเร็จที่ดียิ่งขึ้น

 

ทั้งนี้ ในการลงนามครอบคลุม ดังนี้ 1. ทั้งสองฝ่ายต้องการขยายขอบเขตความร่วมมือทางการค้า “ข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค” (RCEP) มีผลบังคับใช้ในจีนและไทยอย่างเป็นทางการ ทั้งสองฝ่ายต้องใช้กฎข้อสัญญาในการเปิดตลาดที่ตกลงกันไว้อย่างเต็มที่ ส่งเสริมความเชื่อมโยงของตลาดระหว่างมณฑลกานซู่กับประเทศไทย แบ่งปันทรัพยากร เพิ่มมูลค่าการนำเข้าและส่งออก และอำนวยความสะดวกในตลาดให้มากยิ่งขึ้น

 

2. ทั้งสองฝ่ายต้องยกระดับความร่วมมือและการลงทุน มณฑลกานซู่มุ่งมั่นที่จะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เน้นตลาด ถูกกฎหมาย และเป็นสากล มณฑลกานซู่ยินดีต้อนรับผู้ประกอบการไทยอย่างจริงใจ เพื่อให้มาลงทุนในมณฑลกานซู่ โดยตั้งแต่วันที่ 7 ถึง 11 กรกฎาคม 2565 จะมีการจัดประชุมเจรจาการค้าการลงทุนหลานโจว ที่มณฑลกานซู่ ขอเรียนเชิญผู้ประกอบการไทยมาเข้าร่วมงานดังกล่าว เพื่อแสวงหาโอกาสทางธุรกิจและขยายขอบเขตความร่วมมือระหว่างกัน

 

3. ทั้งสองฝ่ายต้องเพิ่มความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม มณฑลกานซู่ได้รับการแนะนำโดย The New York Times ให้เป็น” 1 ใน 52 จุดหมายปลายทางที่ไม่ควรพลาดในโลก” หวังว่า มณฑลกานซู่กับประเทศไทยจะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดความร่วมมือแบบ win-win

 

ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า มณฑลกานซู่ หรือมณฑลกังชก มีประชากร 25 ล้านคน ใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของจีน(ตามลําดับจํานวนประชากร) มีชาวมุสลิม 1.6 ล้านคน (คิดเป็น 6.4%) เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกพลังงานหลักจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดได้แก่ พลังงานนํ้า พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานความร้อนใต้พิภพ

 

นอกจากนี้ยังเป็นจังหวัดที่ผลิตชิปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในจีนและเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมปิโตรเลียม อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า และอุตสาหกรรมเคมีด้วย ซึ่งสินค้าส่งออกหลักของไทยไปกานซู่ 5 อันดับแรก ช่วง 2 เดือนแรกปี 2565 ได้แก่ 1. เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 2.เอสเซนเชียลออยล์และเรซินอยด์ เครื่องหอม เครื่องสำอาง 3.พืชผักรวมท้ังรากและหัวบางชนิดท่ีบริโภคได้ 4.เมล็ดพืช และผลไม้ท่ีมีนำ้มัน เมล็ดธัญพืชและผลไม้เบ็ดเตล็ด 5. ปลา และสัตว์น้ำที่ไม่มีกระดูกสันหลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง