รีเซต

Bitwise ยื่นขอจด Hyperliquid ETF รายแรกในสหรัฐฯ ขณะ SEC ชะลออนุมัติ Altcoin ETFs หลายตัว

Bitwise ยื่นขอจด Hyperliquid ETF รายแรกในสหรัฐฯ ขณะ SEC ชะลออนุมัติ Altcoin ETFs หลายตัว
ทันหุ้น
26 กันยายน 2568 ( 10:56 )
3

บริษัทจัดการสินทรัพย์คริปโต Bitwise Investment Advisers ได้ยื่นเอกสาร S-1 Filing ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) เพื่อเปิดตัวกองทุน Bitwise Hyperliquid ETF ซึ่งจะเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ตัวแรกที่ให้การลงทุนในเหรียญ HYPE ของเครือข่าย Hyperliquid

Hyperliquid เป็น บล็อกเชน Layer 1 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน DeFi โดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นคือการรองรับ Perpetual Futures Trading หรือการซื้อขายฟิวเจอร์สไร้วันหมดอายุ

HYPE Token: ราคาและมูลค่าตลาด

จากข้อมูลของ The Block ราคาของ HYPE ลดลง 11% ในรอบ 24 ชั่วโมง ล่าสุดอยู่ที่ 40.51 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีปริมาณหมุนเวียนในตลาด 270.8 ล้านเหรียญ คิดเป็นมูลค่าตลาดรวมกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ HYPE ติดอันดับ 21 ของตลาดคริปโตโลก

Howard Lindzon ผู้ร่วมก่อตั้ง VC และ StockTwits โพสต์ใน X แสดงความคิดเห็นว่า “Degeneracy for all as it should be...priced in real time” พร้อมเปรียบเทียบว่ายุค Web 2.0 เคยเป็นช่วงเวลาทองของนักลงทุน Seed และ Venture แต่ตอนนี้ทุกคนต่างก็ต้องการเข้าถึงโอกาสตั้งแต่ต้นเหมือนการหาสตาร์ทอัพ “Uber” รุ่นใหม่ ๆ

SEC ชะลอการอนุมัติ Altcoin ETF หลายตัว

ในขณะที่ Bitwise เดินหน้าไฟลิ่ง Hyperliquid ETF นั้น ทางฝั่ง SEC กลับ เลื่อนการพิจารณา ETF ของ Altcoin หลายรายการ ได้แก่:

  • Spot SUI และ PENGU Funds ของ Canary
  • Staked INJ และ SEI Funds ของ Canary
  • Spot Avalanche ETFs จาก Grayscale และ VanEck

ปัจจุบันยังมีการยื่นขออนุมัติ ETF ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอีกหลายสิบรายการที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจของ SEC

ก่อนหน้านี้ Hashdex ได้ขยายกองทุนคริปโตของตนให้ครอบคลุมคริปโตอย่าง XRP และ Solana หลังจาก SEC เพิ่งอนุมัติมาตรฐานการจดทะเบียนใหม่ที่เปิดโอกาสให้สินทรัพย์คริปโตหลากหลายชนิดเข้าสู่ตลาด ETF ได้ง่ายขึ้น

การยื่นไฟลิ่ง Hyperliquid ETF ของ Bitwise ถือเป็นการสร้างจุดสนใจใหม่ในตลาด ETF คริปโต เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่มีการเสนอ ETF ที่อ้างอิงกับเหรียญ HYPE ขณะเดียวกัน การที่ SEC เลื่อนการพิจารณากองทุน Altcoin หลายตัวสะท้อนให้เห็นถึงความระมัดระวังของหน่วยงานกำกับ แต่ก็เปิดประตูให้ตลาดจับตาว่าก้าวต่อไปของ ETF คริปโตในสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/bitwise-hyperliquid-etf-sec-delays-altcoin

ประธาน SEC ลั่น พร้อมจัดการผลประโยชน์ทับซ้อนในคริปโต หากพบการละเมิดกฎหมาย

Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับ ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในวงการคริปโต โดยเฉพาะประเด็นที่เชื่อมโยงกับการลงทุนและกิจกรรมของครอบครัวอดีตประธานาธิบดี Donald Trump

ระหว่างการประชุมที่ Georgetown University มีนักศึกษาถามถึงมุมมองเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในคริปโต Atkins ตอบว่า

ถ้ามีผลประโยชน์ทับซ้อนจริง เราจะหามาตรการจัดการและวางมาตรฐานให้ชัดเจน”

ครอบครัวทรัมป์กับธุรกิจคริปโตยังเป็นข้อกังขา

ล่าสุด สื่อ New York Times รายงานว่า World Liberty Financial (WLF) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกครอบครัว Trump ได้เข้าไปมีบทบาทในดีลที่เกี่ยวข้องกับ Binance และการลงทุนผ่านเหรียญ USD1 stablecoin ของตนเอง รวมมูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัท MGX จาก UAE เข้ามามีส่วนร่วม

แม้ SEC ไม่มีอำนาจโดยตรงในการกำกับ WLF แต่ Atkins ระบุว่า หน่วยงานมี “หน้าที่บังคับใช้กฎหมายตามที่มีอยู่” และจะดำเนินการสอบสวนหากเห็นความจำเป็น

Atkins ชูแนวทางใหม่ “Innovation Exemption”

หลังจากเข้ารับตำแหน่งในเดือนเมษายน 2025 Atkins ได้เดินหน้ากลยุทธ์ใหม่ที่ต่างจากอดีตประธาน Gary Gensler โดยเน้นความเป็นมิตรกับนวัตกรรมดิจิทัลมากขึ้น

หนึ่งในนโยบายสำคัญคือ “Innovation Exemption” ที่จะช่วยให้บริษัทด้านคริปโตและ Web3 สามารถนำผลิตภัณฑ์ขึ้นตลาดได้เร็วขึ้น พร้อมวาง “รากฐาน” เพื่อให้ทนายและผู้พัฒนาเข้าใจชัดเจนว่า สินทรัพย์ใดควรถูกจัดเป็นหลักทรัพย์ และสินทรัพย์ใดไม่อยู่ในขอบเขตการกำกับ

Atkins กล่าวว่า

นี่คือพื้นฐานที่เราต้องให้ เพื่อให้นักกฎหมายสามารถให้ความเห็นที่แน่นอนได้ และทำให้บริษัทในตลาดมั่นใจได้มากขึ้น”

Project Crypto และความชัดเจนด้าน Staking

ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ SEC ยังเปิดตัว “Project Crypto” เพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ดิจิทัลแอสเซ็ต รวมถึงออกแถลงการณ์เกี่ยวกับ staking โดยระบุว่าส่วนใหญ่ของกลไก proof-of-stake ไม่ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ ยกเว้นบางรูปแบบเช่น liquid staking ที่อาจต้องพิจารณาเพิ่มเติม

แนวทางใหม่นี้สะท้อนว่า SEC ภายใต้การนำของ Atkins กำลังพยายามปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของอุตสาหกรรมคริปโตและสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อการลงทุนและนวัตกรรมมากขึ้น

อ้างอิง : theblock.co

ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/sec-chair-atkins-crypto-conflict-innovation-exemption

REX-Osprey เปิดตัวกองทุน Ethereum Staking ETF แห่งแรกในสหรัฐฯ แซงหน้า BlackRock–Fidelity

บริษัทการลงทุน REX Shares และ Osprey Funds ประกาศเปิดตัว Ethereum Staking ETF (ESK) อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นกองทุน Ethereum ETF แบบมี Staking กองแรกในสหรัฐฯ

กองทุนนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึง Ethereum Spot ได้ภายใต้โครงสร้างกองทุนตาม Investment Company Act of 1940 หรือที่เรียกว่า “1940 Act ETF structure” ซึ่งเป็นโครงสร้างกองทุนแบบเดียวกับที่ใช้ในกองทุนรวมในสหรัฐฯ โดยนอกจากการถือครอง ETH แล้ว นักลงทุนยังจะได้รับ รางวัลจากการ Staking ในเครือข่าย Ethereum Proof-of-Stake ในรูปแบบของ การแจกจ่ายรายเดือน (monthly distributions)

SEC ชะลอ BlackRock–Fidelity แต่ REX-Osprey ชิงเปิดเกม

การเปิดตัวนี้เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) ออกมาเผยว่าต้องใช้เวลาเพิ่มในการพิจารณาใบสมัครของกองทุน Ethereum ETF ที่มี Staking จากยักษ์ใหญ่ระดับโลกอย่าง BlackRock, Fidelity และ Franklin Templeton

ปัจจุบันกองทุน Spot Ethereum ETF ที่จดทะเบียนแล้วมีสินทรัพย์รวมเกือบ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่กองทุน ETHA ของ BlackRock ถือว่าเป็นผู้นำตลาด แต่ยังรอการอนุมัติจาก SEC ในการเพิ่มฟีเจอร์ Staking

ต่อเนื่องจาก Solana และ Dogecoin ETF

ESK ไม่ใช่กองทุนแรกที่ REX-Osprey เปิดตัว ก่อนหน้านี้ทั้งสองบริษัทได้ออก Solana Staking ETF (SSK) ซึ่งเป็นกองทุนแรกที่เปิดให้เข้าถึง Spot Solana พร้อมรางวัลจากการ Staking ในสหรัฐฯ รวมไปถึง Dogecoin ETF ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน

REX-Osprey ใช้แนวทางการจดทะเบียนกองทุนภายใต้กฎหมาย Investment Company Act of 1940 เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดด้านกฎระเบียบที่คู่แข่งต้องเจอ ซึ่งทำให้สามารถนำกองทุน ETF ที่มีการแจกจ่ายรางวัล Staking ออกสู่ตลาดได้ก่อน

ก้าวต่อไป: BNB ETF พร้อม Staking

ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา REX Shares และ Osprey Funds ยังได้ยื่นคำขอจดทะเบียนกับ SEC เพื่อเปิดตัว Spot BNB ETF ที่มาพร้อม Staking ซึ่งหากผ่านการอนุมัติ จะถือเป็นกองทุนแรกที่เปิดให้นักลงทุนสหรัฐฯ ได้สัมผัสกับ BNB ในรูปแบบ ETF อย่างเป็นทางการ

การเปิดตัว Ethereum Staking ETF ของ REX-Osprey ถือเป็นก้าวสำคัญของตลาดคริปโตในสหรัฐฯ เพราะไม่เพียงแค่เพิ่มช่องทางลงทุนใน ETH แต่ยังสร้างรายได้เสริมจากการ Staking โดยตรง ขณะที่ยักษ์ใหญ่อย่าง BlackRock และ Fidelity ยังต้องรอการอนุมัติจาก SEC ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาด ETF คริปโต และอาจเป็นตัวเร่งให้คริปโตได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

อ้างอิง : theblock.co

 ที่มา https://www.bitcoinaddict.com/news/rex-osprey-ethereum-staking-etf-us-launch

ข่าวที่เกี่ยวข้อง