รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
27 ตุลาคม 2565 ( 09:23 )
139

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,590-1,605 จุด ภาพรวมยังคงมีแรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่เริ่มกลับมาไหลเข้าทั้งในตลาดหุ้นและ Futures หลัง Dollar Index และ Bond Yield สหรัฐฯทยอยปรับลงต่อเนื่องจากความคาดหวังว่า FED จะเริ่มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยลงบ้างในปลายปีนี้ ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้คือการประชุม ECB โดยตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% เป็น 2% รวมถึงตัวเลข GDP 3Q22 ของสหรัฐฯคืนนี้ หากออกมาต่ำกว่าคาดอาจทำให้ตลาดกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจและโอกาสเกิด Recession ปีหน้าต่อเนื่อง 

 

ส่วนในประเทศยังคงโฟกัสที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยเฉพาะการบริโภคและการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้า High Season รวมถึงเข้าช่วงประกาศกำไร 3Q22 ของบริษัทจดทะเบียนฝั่ง Real Sector ที่หนาแน่นมากขึ้น เรายังคงชอบหุ้น Domestic และ Reopening Play ใน 4Q22-2023 และเชื่อว่าจะ Outperform ตลาดได้ต่อเนื่อง ส่วนระยะสั้นเลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q22 โดดเด่น

 

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 3Q22 แข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว // ถือลงทุนหลังสะสมหุ้นเพิ่ม

หุ้นเด่นเดือนต.ค. : BBL, BDMS, CK, CPALL, TU

 

หุ้นเด่นวันนี้ : JWD

• แนะนำ “ซื้อ” อยู่ระหว่างปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 24-26 บาท

• JWD และ SCGL (บ.ย่อยของ SCC) จะรวมกิจการกัน (เปลี่ยนชื่อเป็น SCGJWD) โดย JWD จะเพิ่มทุน 791 ล้านหุ้นๆละ 24.02 บาทให้กับผู้ถือหุ้นของ SCGL เพื่อแลกกับหุ้นทั้งหมดของ SCGL คาดแล้วเสร็จ 1Q23  

• SCGJWD จะถือหุ้นโดยกลุ่ม SCC 42.9% และกลุ่มผถห.เดิมของ JWD 31.8% และจะกลายเป็นผู้ให้บริการ Logistics และ Supply chain ใหญ่สุดใน ASEAN มีธุรกิจในกว่า 8 ประเทศ ธุรกิจไม่ซ้ำซ้อนกัน แต่ส่งเสริมกัน และได้ประโยชน์จากขนาดที่ใหญ่ขึ้น เราประเมินเบื้องต้นกำไรปีนี้ของ SCGJWD จะมากกว่า JWD ราว 90% ชดเชย Dilution จากหุ้นเพิ่มทุนได้หมด

• แนวรับ 20.70-20.50 บาท แนวต้าน 21.60//22 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ ยังคง Sideway ไม่ผ่าน 1600 จุด ตลาดรอดูการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า มี Dollar อ่อนช่วยหนุนตลาดไว้ 

 

ทั้งนี้ ตลาดเข้าสู่ช่วงการรอคอยการประชุม Fed ในสัปดาห์หน้า(2) การเข้าลงทุนในช่วง 2 วันสุดท้ายของสัปดาห์อาจจะมีการชะลอตัวลง นักลงทุนจะเริ่มมีการปรับพอร์ตในสัปดาห์หน้า

 

สถานการณ์ของจีน ผู้นำ สี จิ้นผิง อาจจะต้องมีการออกมาพูดถึงความเคลื่อนไหว หลังจากที่สหรัฐฯ กำลังจับตาดูว่าจีนจะมีปฏิกริยาอะไรกับไต้หวัน เรามองยังเป็นความเสี่ยงของตลาด

 

Dollar ยังปรับตัวลงต่อ ล่าสุด Dollar Index อยู่ที่ 109.5 จุด เรามองว่าเป็นตัวช่วยหนุนตลาด ขณะที่เงินบาทก็แข็งค่าขึ้นเช่นกัน ล่าสุด 37.6 บาท/ดอลลาร์ นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยต่อเนื่อง วานนี้ Net Buy 848 ล้านบาท

 

น้ำมันปรับตัวขึ้น ล่าสุด Brent $96 เหรียญ ขณะที่ซาอุฯ อาจจะมีการประกาศปรับลดกำลังการผลิตอีกครั้ง ทางด้าน Gas+ถ่านหิน ยังปรับตัวลง

 

ตัวแปรของไทยจับตาดูผลประกอบการของบริษัทในตลาด โดยทาง DAOL ประเมินกำไรตลาด 3Q22 เบื้องต้นที่ 2.6 แสนล้านบาท +25% YoY; -24.8% QoQ  กลุ่มทีฉุดกำไรลดลง QoQ มากที่สุด อาทิ ปิโตรเคมี, ICT, โรงพยาบาล และที่อยู่อาศัย

 

ข่าวที่มีผลต่อราคาหุ้น กรมธนารักษ์เตรียมยกเลิกค่าเช่า AOT(ลบ) และ กลุ่ม SCC ซื้อหุ้น JWD อาจมีผลต่อทั้ง JWD และหุ้นที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันคือ KEX(ลบ)

 

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ประชุม ECB ตัวเลข GDP สหรัฐฯ (คาด +2.1% YoY) และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ

 

Strategy

• ตลาดเตรียมรับการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า (รู้ผลเช้า 3 พ.ย.) และการที่ดัชนีฯ ยังไม่สามารถผ่าน 1600 จุดขึ้นไปได้ เรายังแนะนำให้บริหารพอร์ตโดยใช้เงินสด 40-60% ในการเข้าซื้อหุ้น และลงทุนในกรอบเวลาสั้นๆ (1-3 วัน)

• เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจจีนยังไม่ชัดเจน และยังมีการ lockdown จาก Covid อีก หุ้นที่ยังต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนคือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ โลจิสติกส์ เดินเรือ 

• หุ้นที่ราคาลงมาลึก กลายเป็นกลุ่มที่ถูกเวียนมาเล่นรายวัน วันนี้เราชอบ PTG, ONEE

• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำหุ้น GUNKUL, GLOBAL  ออกจากพอร์ต และนำหุ้น GULF เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบด้วย GULF(10%), CBG(10%), EGCO*(10%), AIT*(10%),  IVL(10%)

 

Strategy Stock Pick

GULF: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 53.00 บาท) “รับรู้โครงการใหม่ปี ’23 เต็มปี-ต้นทุนพลังงานมีโอกาสลดลง”

•ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี ’23 ขึ้น หนุนด้วยการ COD โครงการใหม่ที่เริ่มในช่วงปลายปี ’22 600 Mwe และได้ประโยชน์จากฐานของ Ft ที่ถูกยกระดับขึ้นราว 23 สต./หน่วย (เต็มปี) ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติในปี ‘23 มีโอกาสลดลง

•คาดการลงทุนใน INTUCH และธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่มพลังงานจะมีความชัดเจนขึ้นในปี ’23 และอาจจะนำไปสู่การปรับประมาณการกำไร/Outlook ของนักวิเคราะห์ในตลาด

•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 9.5 พัน ลบ. และ 1.54 หมื่น ลบ. +24%YoY, +61%YoY ตามลำดับ

 

Technical : KCC, OTO

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวอยู่กรอบแนวรับ 1,590 แนวต้าน 1,600 – 1,605 อยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q3/65 และนโยบายการเงินของ ECB, BOJ, FED แนะนำ Selective Buy กลุ่มอาหาร CPF, GFPT, TU, ASIAN, NSL/ กลุ่มปลอดภัย ADVANC, AIT, BCH, BEM  

 

ERW* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 4.60 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2H65 มีปัจจัยหนุนจากฟื้นตัวตามตัวเลขนักท่องเที่ยว หลังสถานการ์ Covid-19 คลี่คลายจนสามารถเปิดประเทศได้ ส่งผลให้อัตราการเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ เช่น JW Marriot ขยายตัวได้ดี ทั้งในแง่ของ RevPar และ Occ rate ขณะที่ตัว Budget Hotel – Hop Inn ทั้งในไทยและต่างประเทศทยอยฟื้นตัวตาม Domestic Demand ทำให้ราคาห้องพักเฉลี่ยเริ่มขยับเข้ามาใกล้ระดับ Pre-Covid อย่างไรก็ตามคาด 3Q65 ยังขาดทุนแต่ลดลง QoQ ก่อนจะเริ่มดีขึ้นขนพลิกเป็นกำไรได้ในปี 66

 

ILM* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 22.30 บาท) ประเมินภาพการดำเนินงานยังคงสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องYoY ในช่วง 3Q65 นี้ ได้แรงหนุนจากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 คลี่คลาย การกลับมารับรู้รายได้ค่าเช่า และการฟื้นตัวของตลาดอสังหาฯตามม.ผ่อนคลาย ขณะที่ไตรมาสที่4 เข้าสู่ High Season ยังมีประเด็นบวกจากการซ่อมแซมบ้าน(น้ำท่วม) และ คาด INDEX LIVING MALL สาขาลาดกระบัง จะเปิดให้บริการได้ นอกจากนี้บ.มีแผนที่จะพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์ในทำเลกรุงเทพกรีฑา เพื่อพัฒนาเป็นโครงการLittle Walk พื้นที่ 4,000 sq.m. คาดว่าจะเปิดได้ในปี 66  ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี65 และ66 กำไรสุทธิของ ILM* จะสามารถขยายตัวได้โดดเด่นมาอยู่ที่ระดับ 638 ลบ. (+40%YoY) และ 710 ลบ.(+11%YoY) ตามลำดับ  

 

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง