BBIKลุ้นปิดดีลM&Aปี69 มั่นปีหน้ารายได้โต20-30%

#BBIK #ทันหุ้น - BBIK มั่นใจรายได้ปี 2569 โต 20-30% แรงหนุนนโยบาย Cloud First-เวอร์ชวลแบงก์-กระแส AI คาดมีความชัดเจนดีล M&A ดันงานในมือพุ่ง ลั่นงบไตรมาส 4/2569 ทำนิวไฮเหตุ เร่งส่งมอบงาน หลังงานเข้าเพียบ แจงยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน ด้านนักวิเคราะห์ มองปีหน้ากำไรหลักโต14%
นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2569 เติบโต 20 -30% จากปี 2568 ซึ่งมีปัจจัยหนุนจากนโยบาย Cloud First ซึ่งมุ่งเน้นให้หน่วยงานของรัฐพิจารณาการใช้งานระบบ Cloud และคาดว่างานเกี่ยวกับเวอร์ชวลแบงก์ จะเข้ามามากขึ้นเต็มปี แม้ผู้ประกอบการเวอร์ชวลแบงก์บางรายจะเริ่มดำเนินการไปแล้ว แต่ยังคงต้องมีการพัฒนาและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันยังเน้นโฟกัสที่ลูกค้ารายหลัก 1 ราย และพยายามเข้าไปช่วยดูแลในหลายส่วน รวมถึงคาดว่าจะมีงานด้าน AI และ Digital Transformationเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
@Q4 นิวไฮ
สำหรับในช่วงไตรมาส 4/2568 คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะเป็นไตรมาสที่สูงสุด (นิวไฮ) ของปี 2568 เนื่องจาก มีงานจำนวนมากที่เข้ามาและกำลังเร่งส่งมอบในไตรมาส 4/2568 โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 บริษัทมีงานในมือ (แบ็กล็อก)อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้บางส่วนปี 2568 และที่เหลือจะรับรู้ในปี 2569
“รายได้ปี2568 จะโตตามเป้าหมายหรือไม่นั้น ยังต้องลุ้น เพราะบริษัทกำลังเร่งส่งมอบโปรเจ็กต์ต่างๆ ในช่วงสิ้นปี2568 เพื่อให้สามารถรับรู้รายได้ให้ทันตามกำหนด ซึ่งบริษัทมีความเชื่อมั่นว่า ไตรมาส 4 จะเป็นไตรมาสที่ทำผลประกอบการได้ดีที่สุดของปี 2568 เพราะมีงานเข้ามาค่อนข้างดี”
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาในการควบรวมและซื้อกิจการ ( M&A) และดีลการร่วมลงทุน (JV) ในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของบริษัท ซึ่งมีโอกาสจะเห็นความชัดเจนในปี 2569 โดยหากดีล M&A สำเร็จจะช่วยเพิ่มโอกาสให้บริษัทมีปริมาณงานให้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีการใช้เงินลงทุนมากขึ้น โดยขณะนี้ยังไม่สามารเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนได้
@ยังไม่ตัดสินใจซื้อหุ้นคืน
จากกรณีที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า BBIK มีโอกาสที่จะทำโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาสมควรและฐานะการเงิน นายพชร กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าการซื้อหุ้นคืนเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริหารทางการเงิน แต่ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีการทำหรือไม่
ส่วนการยุบสภาเตรียมที่จะมีการเลือกตั้งในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2569 นั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะรายได้หลักของบริษัทมาจากภาคเอกชนเป็นสำคัญ ในขณะที่งานจากภาครัฐมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยมองว่าเป็นส่วนเข้ามาเสริมของผลดำเนินงานของบริษัท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MTS ระบุว่า ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ หุ้น BBIK เนื่องจาก การส่งมอบโครงการกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/2568, คาดอัตราการเติบโตของกำไรหลักเร่งขึ้นจาก 10% ในปี 2568 เป็น 14% ในปี 2569 และ หุ้นซื้อขายที่ P/E ต่ำที่สุดในกลุ่มธุรกิจบริการเทคโนโลยีที่อยู่ในการวิเคราะห์ของเรา ราคาเป้าหมายจากวิธี DCF ของฝ่ายวิจัยไม่เปลี่ยนแปลงที่ 28.20 บาท
ฝ่ายวิจัยคาดกำไรหลักไตรมาส 4/2568 จะอยู่ที่ 121 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 78% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) จากรายได้ 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น15% YoY และเพิ่มขึ้น 23% QoQ โดยกำไรหลักไตรมาส 4/2568 คิดเป็น 36% ของประมาณการทั้งปี 2568 เนื่องจากมีการเลื่อนโครงการจากไตรมาส3/2568 และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากธนาคารไร้สาขา (Virtual Banks) และภาครัฐ (โครงการย้ายระบบขึ้นคลาวด์และออกแบบสถาปัตยกรรมคลาวด์)
@ปี 69 กำไรโต 14%
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคาดว่าการเติบโตของกำไรหลักจะเร่งจาก 10% ในปี 2568 เป็น 14% ในปี 2569 ปัจจัยสนับสนุน ได้แก่ ความไม่แน่นอนจากสงครามการค้าที่ลดลงในปี 2569 , ความต้องการโครงการด้าน AI ที่สูงขึ้น (การทำงานอัตโนมัติของเวิร์กโฟลว์ และการวิเคราะห์รูปแบบข้อมูล) และโครงการจากภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าให้รายได้จากโครงการภาครัฐคิดเป็น 10-15% ของรายได้ในปี 2569 เพิ่มขึ้นจากราว 10% ในปี 2568 และต่ำกว่า 5% ในช่วงปี 2564-2567 ปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปี 2569 ได้แก่ การทำดีล M&A และ JV ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญคือภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวและความไม่แน่แน่นอนทางการเมือง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
