รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
11 มีนาคม 2568 ( 09:44 )
7

#ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวลงหลุดแนวรับ Low เดิม 1,173 จุด โดยประเมินแนวรับถัดไปที่ 1,157 จุด ถูกกดดันจากบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่เป็นลบ โดยตลาด Risk-Off จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่อาจชะลอตัวหรือเสี่ยงถดถอยจากผลของนโยบายเก็บภาษีการค้า รวมถึงการเลิกจ้างข้าราชการ โดยล่าสุด BB Consensus ประเมินโอกาสเกิด US Recession ที่ 25% ส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหนักโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มี Valuation สูง ขณะที่เม็ดเงินไหลเข้าหาพันธบัตรโดยเฉพาะระยะสั้น Bond Yield 2 ปีปรับลงราว 10 bps สู่ระดับ 3.89% คืนนี้ติดตามตัวเลข Job Openings เดือน ม.ค. (ตลาดคาด 7.6 ล้านตำแหน่ง) ขณะที่โฟกัสหลักอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI และ PPI สหรัฐฯในคืนพรุ่งนี้และมะรืน 

 

ด้านปัจจัยในประเทศบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะแจกเงินหมื่นแฟส 3 ให้กลุ่มอายุ 16-20 ปี ราว 2.7 ล้านคน (วงเงิน 2.7 หมื่นลบ.) ต่ำกว่าที่ตลาดประเมิน โดยเบื้องต้นคาดช่วยหนุนเศรษฐกิจใน 2Q25 ไม่มาก และสะท้อนชัดเจนถึงข้อจำกัดด้านงบประมาณของครม.ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจทำให้ตลาดคาดหวังเชิงบวกลดลงต่อการเติบโตของ GDP ปีนี้ ซึ่งคาดอยู่ในกรอบ 2.5-2.8% เรายังมองกลุ่ม Domestic Defensive และ Tourism-Related Play น่าจะยังมีแนวโน้มปรับตัวดีกว่า Global-Related Play ที่ถูกกระทบจากความเสี่ยงของต่างประเทศ

 

กลยุทธ์ : ยังเน้น Selective Buy หุ้นที่มีแนวโน้ม 2025 แข็งแกร่งและ Valuation ต่ำกว่าช่วงก่อนโควิดอย่างมีนัยยะ

หุ้นเด่นเดือน มี.ค. : BA, BTG, CPALL, MTC, PR9

FSSIA Portfolio :  BA, BBL, BTG, CPALL, MTC, NSL, PR9, SEAFCO, SHR

 

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท

• แนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q25 เบื้องต้นคาดว่ายังคงเติบโตในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง มีลุ้นเติบโตทั้ง q-q และ y-y ทั้งไทยที่เริ่มมีโรคระบาด ขณะที่ผู้ป่วยต่างชาติคาดว่ายังโตได้ะ 

• เราคาดกำไรปี 2025 ที่ 1.76 หมื่นลบ. +10% y-y เราเชื่อว่าราคาหุ้น BDMS จะปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาดจากความเป็น Defensive Sector ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและตลาดที่ Risk-Off

• แนวรับ 22.20 บาท แนวต้าน 23.50//24.50 บาท

 

ด้านบล.ดาโอ คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับตัวลง ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงแรง และของไทยยังขาดปัจจัยหนุน โดยตลาดหุ้นไทย ตลาดยังไม่มีข่าวบวกใหม่ๆ เข้ามา ขณะที่ตลาดสหรัฐฯและจีน ถูกขาย กระทบต่อ sentiment ของตลาด  ดัชนีฯ มีโอกาสหลุด 1173 จุด

 

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีตลาดหุ้น NASDAQ และ S&P500 ปรับตัวลง 4% และ 2.7% ตามลำดับ แรงขายในแต่ละวัน มากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ ที่เราเคยประเมินว่า ค่า Dollar Index (103.7)  และ Bond Yield 10 ปี (4.16%) ที่อ่อนค่าลง เป็น leading indicator ว่าความกังวลในเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเป็นภัยคุกคามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ...... เราประเมินว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเป็นลบมาถึงตลาดหุ้นอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Tech (ของไทย)

 

• ค่าเงินเยน แข็งค่ามาที่ 146 เยน/ดอลล่าร์ แม้จะมีกระแสว่า BOJ อาจคงดอกเบี้ยในการประชุม 19 มี.ค. ก็ตาม แต่ด้วยความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ค่อนข้างมาก ตลาดหุ้นญี่ปุ่น จึงเป็นตลาดที่จะปรับตัวลงบนสถานการณ์นี้

 

• บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้วัยเรียน 16-20 ปี 2.7 ล้านคน คาดเริ่มปลาย Q2-ต้น Q3/68 เผยกันงบกระตุ้นเศรษฐกิจช่วง Q2-Q3/68 ไว้ 1.5 แสนล้านบาท และให้ 4 แนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจขยายตัวเกิน 3% ...1) เร่งรัดการลงทุนภาครัฐจากปกติ 70% ให้เพิ่มเป็น 80% 2) กระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนร่วมกับ BOI   3) กระตุ้นการส่งออกตั้งเป้า 4%   4) กระตุ้นท่องเที่ยว เพิ่มอีเวนท์-เพิ่มรายได้ต่อหัว

 

• ตลท.เล็งออก 4 โครงการฟื้นเชื่อมั่นลงทุนไทย ประกอบด้วยโครงการ Jump+, โครงการ New S-Curve Economy, โครงการ Treasury Stock Buyback และ โครงการ TISA .... มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อตลาด ช่วยลดแรงขายลง แต่รัฐบาลควรออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ จะช่วยได้มากกว่า

 

• การประชุมครม.วันนี้จับตาประเด็น พ.ร.บ. Entertainment Complex ที่คาดว่าจะถูกนำเข้าพิจารณา อาจได้เห็นไทม์ไลน์ที่ชัดเจนมากขึ้น หากประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ลิสกลุ่มหุ้นได้ประโยชน์ในขั้นแรกจะเป็นกลุ่มรับเหมา ก่อสร้าง SEAFCO, PYLON, CK, STECON, ITD กลุ่มหลังจะเป็นท่องเที่ยว โรงแรม และค้าปลีก MINT, CENTEL, ERW, AOT, BA, AAV, CRC, CPN, AWC

 

• คลัง ชงเก็บภาษีรถ PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) หรือรถปลั๊กอินไฮบริด ตามเนโยบายส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันของประเทศไทย เตรียมเสนอเข้าครม.ภายในเดือนเม.ย. 68

 

• สัปดาห์นี้ มีหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมาย “XD” ทั้งหมด 138 ตัว อาทิ SCCC, COM7, BDMS และ REITs อีกหลายตัว ควรระวังแรงขายหุ้นทั้งก่อนและหลัง “XD” หากราคาปรับตัวลงเท่ากับเงินปันผลจ่าย จะมีผลต่อดัชนีฯ -3.0 จุด

 

• Event สัปดาห์นี้ : ประชุม ครม.  และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานประชุมเรื่องค่าไฟฟ้า งวดเดือน พ.ค.

 

Technical : BCH, KAMART

 

ขณะที่ บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,150 – 1,160 แนวต้าน 1,180 – 1,190 คาดดัชนี SET จะถูกกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐ ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติยังชะลอการลงทุนในกลุ่ม TIP แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & ปันผลสูง เช่น SCB, AP, TTW, DIF, 3BBIF 

 

BA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 27.50 บาท) ในปี 68 บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารที่ 4.7 ล้านคน +9%YoY เน้นเส้นทางเข้าออกจากเกาะสมุยเป็นหลักซึ่งมีกำไรดีตามความต้องการในการเดินทางที่สูง ขณะที่แนวโน้มค่าโดยสารเฉลี่ยคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4,200 บาท/คน/เที่ยวบิน จาก supply ที่เพิ่มช้ากว่า demand ประเมิน Load Factor ที่ 82% สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 80% ระยะสั้น 1Q68 คาดกำไรยังขยายตัวได้ QoQ, YoY มีปัจจัยบวกจาก High season และได้กระแส The White Lotus หนุนการท่องเที่ยวเกาะสมุย ส่วนฝั่งต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงจากปีก่อน ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 68 ที่ราว 4 พันล้านบาท +6%YoY

 

CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,173 ลบ.(+3,346%YoY, -42.91%QoQ,) โดย QoQ มีปัจจัยกดดันกำไรจาก รายการขาดทุนจากการด้อยค่าราว -2,467 ลบ.(ไก่จีน/สัตว์น้ำเวียดนาม) ซึ่งหากตัดปัจจัยดังกล่าวออกไป การดำเนินงานยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี รายได้และ GPM มีแรงหนุนจากราคาสุกรในไทยและเวียดนามที่ประคองตัวในโซนทำกำไรต่อจาก 3Q67 และปรับตัวดีขึ้นชัดเจน YoYประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์บกยังไม่สูง ส่งผลให้ GPM ไตรมาสนี้อยู่ที่ 15.67% +646bsp YoY +29 bspQoQ ด้านส่วนของ Equity Income ยังมีแรงหนุนจาก CPALL สำหรับแนวโน้มกำไรช่วงถัดไป 1Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนด้วยราคาสุกร โดยเดือนก.พ.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 79.00 บาท/กก.(+16%YoY, +4%MoM)

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง