BANPU งานเข้า? อินโดฯ เล็งขึ้นภาษีเหมือง กระทบแค่ไหน?

#ทันหุ้น - บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้น BANPU หลังกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่อินโดนีเซีย เปิดเผยว่ากำลังพิจารณาปรับขึ้นภาษีที่เรียกเก็บจากการผลิตแร่ ตั้งแต่ทองแดงไปจนถึงถ่านหิน โดยข้อเสนอนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลอินโดนีเซียกำลังวางแผนเปลี่ยนแปลงงบประมาณครั้งใหญ่ เพื่อรองรับแผนการใช้จ่ายก้อนโตของประธานาธิบดี ปราโบโว ซูเบียนโต ซึ่งรวมถึงโครงการอาหารกลางวันที่โรงเรียนฟรี โดยรายได้จากการขุดแร่เป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกถ่านหินให้ความร้อน (thermal coal) และผลิตภัณฑ์นิกเกิลรายใหญ่ที่สุดของโลก ตลอดจนเป็นแหล่งดีบุกและทองแดงที่สำคัญสำหรับตลาดโลก 

ทั้งนี้ รัฐบาลเสนอให้เก็บค่าสัมปทานสิทธิ (royalty fee) แร่นิกเกิลระหว่าง 14% ถึง 19% ขึ้นอยู่กับระดับราคามาตรฐาน เทียบกับอัตราคงที่ 10% ในปัจจุบัน สำหรับถ่านหิน รัฐบาลจะเพิ่ม royalty fee ขึ้น 1.0% เป็น 13.5% แต่เมื่อราคาถ่านหินอ้างอิงแตะอย่างน้อย USD90/ton ทั้งนี้ รัฐบาลมีการเรียกเก็บ roytaly แบบก้าวหน้าสำหรับถ่านหินอยู่แล้ว โดยมีอัตราต่ำสุดที่ 8% สำหรับถ่านหินที่มีค่าความร้อนสูงสุด 4,200 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัม (kcal/kg) เมื่อราคาอยู่ที่อย่างน้อย USD90/ton (ที่มา: Reuters, Bloomberg)

*จับตาหากอินโดฯ royalty fee เพิ่มเป็น 13.5% กระทบกำไรปีนี้ 5%

ฝ่ายวิจัย มีมุมมองเป็นลบจากข่าวนี้ โดยหากข้อเสนอนี้มีผลบังคับใช้ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะส่งให้ต้นทุนในการดำเนินงานสำหรับธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซียสูงขึ้น ในเบื้องต้น ประเมินว่าหาก royalty fee เพิ่มขึ้นเป็น 13.5% ตั้งแต่ต้นปี 2568 จะกระทบกำไรทั้งปีของ BANPU ประมาณ 5% 

ทั้งนี้ ยังประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 3.6 พันล้านบาท เทียบกับขาดทุนสุทธิ 682 ล้านบาทในปี 2567 หลักๆ จากการหายไปของผลขาดทุนจากการตั้งสำรองด้อยค่าของสินทรัพย์ (loss on impairment of assets) 

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจะยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยถ่านหิน (coal ASP) ที่อ่อนแอใน Q1/68 จากสภาพเศรษฐกิจที่อ่อนแอและภาวะอุปทานส่วนเกิน (oversupply) ทำให้ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำ "ถือ" ที่ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.20 บาท อิงวิธี SOTP