เมย์แบงก์ แนะ 4 หุ้นเด่นงบ Q4/67 สวย แนวโน้มปี 68 ดีต่อเนื่อง
#ทันหุ้น-บล.เมย์แบงก์(ประเทศไทย) แนะนำกลยุทธ์การลงทุน โดยให้เน้นหุ้นที่คาดกำไรไตรมาส 4/67 ขยายตัวได้ดี และมองว่าจะดีต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งสวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับลงตามทิศทงของดัชนีตลาดหุ้นไทย โดยแนะนำ 4 หุ้นเด่น สำหรับเก็งงบไตรมาส 4/67 ประกอบด้วยหุ้น BBIK, BCP, CPALL และ MTC
หุ้น BBIK ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์อยู่ที่ 50.10 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ขยายตัวจากไตรมาสก่อน หรือ QoQ และช่วงเดียวกันปีก่อน หรือ YoY จากแรงหนุนหลักมาจากการทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog คงค้างเดิม ณ สิ้นไตรมาส 3/67 ด้านกำไรปี 2568 คาดเติบโต 30% YoY จากความต้องการบริการ IT ในภาคธนาคาร ประกันภัย และค้าปลีก
หุ้น BCP ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่ 55.00 บาท คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ฟื้นตัวทั้ง QoQ และ YoY จากค่าการกลั่นฟื้นตัว QoQ และไม่น่าจะมีการบันทึกขาดทุนสต็อกน้ำมันในระดับสูงเหมือนกับไตรมาส 3/67 และไตรมาส 4/66 หลังราคาน้ำมันดิบไตรมาส 4/67 ปรับเพิ่มขึ้น 4% QoQ ส่วนในปี 2568 คาดกำไรยังเติบโต 32% YoY หนุนจากค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นและรับรู้รายได้ธุรกิจ SAF
หุ้น CPALL ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 81.00 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 คาดเติบโต QoQ และ YoY จากยอดขายที่เร่งตัวจากยอดขายต่อสาขาเดิมหรือ SSSG การขยายสาขาและอัตราทำกำไรที่ดีขึ้นจากสินค้า High Margin สำหรับปี 2568 คาดกำไรขยายตัวได้ต่ออีก 10% YoY โดย Upside Risk ต่อประมาณการอยู่ที่การปรับลดค่าไฟ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐที่หนุนยอดขาย
หุ้น MTC ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท ราคาหุ้นปรับลง 7% YTD กดดันหลักมาจาก Sentiment ของ U.S.Bond Yield ที่เร่งตัวสูง ซึ่งไม่ได้มีกระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยกำไรไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี จากการปล่อยสินเชื่อที่ดี และคุณภาพสินทรัพย์สินทรัพย์ที่มีเสถียรภาพ ช่วยลด %NPL และ Credit Cost โดยคาดกำไรปี 2568 เติบโต 17% YoY
**มองกลุ่มค้าปลีก, โรงแรม, เกษตรเด่น สวนทางกลุ่มบรรจุภัณฑ์ไม่ฟื้น
สำหรับกลุ่มที่มีกำไรไตรมาส 4/67 โตเด่นกว่าตลาดทั้ง QoQ และ YoY คือกลุ่มค้าปลีก ที่ได้ปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายปลายปี หนุนกำไรกลุ่มอุปโภคบริโภค หุ้น CPALL, CPAXT, BJC กลุ่มซ่อมแซมบ้าน GLOBAL,DOHOME, HMPRO กลุ่มค้าปลีกสินค้า IT อย่าง COM7 กลุ่มท่องเที่ยวโรงแรมหนุนหลักมาจาก MINT ที่มีโอกาสการบันทึกกำไรจากรายการ Derivatives กลุ่มเกษตรแรงหนุนจากกลุ่มยางพารา STA และ NER ที่ขยายตัวตามภาคส่งออกและราคายางที่อยู่ในระดับสูง
สำหรับกลุ่มอื่นๆ ที่ขยายตัว QoQ และ YoYและหุ้นในกลุ่มน่าสนใจ เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ MTC , SAK กลุ่มพลังงานจากกลุ่มโรงกลั่น BCP, SPRCตามทิศทางค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวและไม่น่าจะบันทึกรายการสต๊อคน้ำมันดิบสูงเหมือนไตรมาสก่อน
ส่วนกลุ่มที่หดตัวทั้ง QoQ และ YoY คือ กลุ่มบรรจุภัณฑ์จากSCGP ที่ถูกกดดันจากการรับรู้ขาดทุนจาก Fajar กลุ่มธุรกิจกระดาษรีไซเคิลที่ยังขาดทุน