WHO เผย "โควิดสายพันธุ์เดลต้า" ระบาดเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก
วันนี้ (2 ก.ค.64) องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ระบุในรายงานความคืบหน้าด้านการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายสัปดาห์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาในยุโรปว่า มีการตรวจพบไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในอินเดีย กระจายไปในประเทศต่าง ๆ ถึง 96 ประเทศทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 11 ประเทศ
ทั้งนี้ เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลต้า มีอัตราการติดเชื้อสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟ่า ซึ่งพบเป็นครั้งแรกในสหราชอาณาจักร ถึงร้อยละ 55 และสามารถกลายเป็นสายพันธุ์หลักของการแพร่ระบาดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว
ทวีปแอฟริการายงานการแพร่ระบาดครั้งใหม่ในหลายพื้นที่ ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ขณะที่ ตูนิเซีย โมแซมบิก ยูกันดา ไนจีเรีย และมาลาวี เป็นส่วนหนึ่งของ 11 ประเทศที่เพิ่งถูกเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์นี้เล่นงาน โดยยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 และผู้เสียชีวิตในแอฟริกาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว
เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า ถูกพบเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2020 โดยเกิดการกลายพันธุ์ในส่วนหนามหลายครั้ง ทำให้อัตราการแพร่เชื้อและความทนทานต่อแอนติบอดีชนิดลบล้างฤทธิ์ของไวรัสนั้นเพิ่มขึ้น ทั้งยังอาจต่อต้านวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ได้มากขึ้น
ผลการศึกษาล่าสุดของสกอตแลนด์ ซึ่งได้รับการเผยแพร่ลงบนแลนเซ็ต (Lancet) วารสารการแพทย์นานาชาติพบว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า มีอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงกว่าสายพันธุ์อัลฟ่าถึงร้อยละ 85
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารของโครงการภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพของ WHO กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์เดลต้า แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วและแข็งแกร่ง สามารถโจมตีกลุ่มผู้ที่เปราะบางได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ