ส่องหุ้น "MAJOR" โอกาส หรือ ความเสี่ยง?
#ทันหุ้น- บล.กสิกรไทย ส่อง บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ปีแห่งการกลับมา คาดว่ารายได้และกําไรปกติของ MAJOR จะฟื้นนตัวขึ้นในปี 2568 โดยประเมินจะเติบโตขึ้น 55.8% YoY ซึ่งฝ่ายวิจัยคาดว่าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่แข็งแกร่งขึ้นควบคู่ไปกับการขยายจํานวนโรงภาพยนตร์ในต่างจังหวัดของ MAJOR และกลยุทธ์การกําหนดราคาที่มีประสิทธิภาพจะเพิ่ม ส่งผลบวกอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายวิจัยคาดว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูดจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น หลังทําผลงานได้น่าผิดหวังในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
แต่ยังไม่ฟื้นตัวขึ้นเต็มที่จากระดับโควิด-19 ประมาณการรายได้และกําไรจากการดําเนินงานในปี 2568 ของฝ่ายวิจัยเท่ากับ 97.5% และ 98.5% ของระดับในปี 2562 (ก่อนเกิดโควดิ -19) ตามลําดับ ขณะเดียวกัน ฝ่ายวิจัยคาดว่ารายได้และกําไรจากการดําเนินงานของ MAJOR จะมากกว่าระดับก่อนเกิดโควดิ -19 ในปี 2569 ระดับการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอาจมีปัจจัยหนุนจากพฤติกรรมการบริโภคคอนเทนต์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จากแพล็ตฟอร์มคอนเทนต์ใหม่ เช่น สตรีมมิ่ง ออนไลน์ เป็นต้น ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น
ปรับประมาณการกําไร ทั้งนี้ คาดว่า MAJOR จะรายงานกําไรปกติไตมาส 4/2567 อ่อนแอที่ 197 ลบ. ลดลง 20.7% YoY ฝ่ายวิจัยลดประมาณการกําไรปกติปี 2567/68/69 ลง 35.0%/17.6%/11.35% เนื่องจากปรับลดประมาณการค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์เฉลี่ยลง 15.3%/2.8% ใน ปี 2567/68 แต่เพิ่มประมารการอัตราค่าใช้จ่าย SG&A ขึ้น 3.5%/0.5%/1.1% ประมาณการทางการเงินใหม่ของฝ่ายวิจัยบ่งชี้ถึง CAGR 3 ปี (ปี 2567-69) ของ core EPS ที่ 33.4% และ 27.1% สําหรับปี 2568-70 เทียบกับคาดการณ์เดิมของฝ่ายวิจัยที่ 22.1% และ 8.8%
คงคำแนะนํา “ซื้อ” MAJOR แต่ลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ลงเป็น 17.51 บาท ปัจจัยหนุนตัวคูณมูลค่าหุ้นคาดจะมาจาก 1) การปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์ภาพยนตร์ฮอลลีวูดและภาพยนตร์ไทยในปี 2568-70 ของฝ่ายวิจัย และ 2) กลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพของ MAJOR ในการกําหนดราคาและวางตําแหน่งแบรนด์เพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัด ขณะเดียวกัน คาดการณ์ของฝ่ายวิจัยบ่งชี้ว่าราคาหุ้นของ MAJOR นั้นค่อนข้างถูก เนื่องจากคาดว่า CAGR 3 ปี ของ EPS จะอยู่ที่ 23% ขณะที่ราคาหุ้น MAJOR ขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2568 ที่ 16.5 เท่า
ลดราคาเป้าหมาย MAJOR ลง 10% หรือจาก 19.39 บาท เป็น 17.51 บาท จาก 1) การลดประมาณการ core EPS ปี 2567-69 ลง 2.1-29.9% และ 2) วิธีคํานวณมูลค่าใหม่ของฝ่ายวิจัย ยังใช้วิธี SOTP ซึ่งคํานวณมูลค่าธุรกิจหลักและพอร์ตการลงทุนของ MAJOR ได้ดีกว่า
Downside risks ได้แก่ 1) จํานวนผู้ชมในโรงภาพยนตร์ที่น้อยกว่าคาด 2) ความเบื่อหน่ายของผู้ชมภาพยนตร์ประเภทซูเปอร์ฮีโร่งจากฮอลลีวูดที่มากกว่าคาด 3) สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อประโยชน์ เช่น การปฎิรูปภาษีเป็นต้นและ 4) ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด