มือถือใหม่ Thailand Mobile Expo 2025 คัดรุ่นใหม่น่าใช้ ที่จะมาในงานนี้

ใกล้เข้ามาแล้วครับ สำหรับงาน Mobile Expo 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23–26 ตุลาคม 2568 ณ. ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ที่เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัว หรือรถไฟฟ้าก็ง่ายเช่นกัน กลับมาครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งปีเลยครับ เพราะจะเป็นงานทิ้งท้ายงานใหญ่ปลายปี ที่เหล่าผู้ผลิตต่างขนดีลเด็ด โปรโมชั่นโดน และของแถมเพียบตามแบบฉบับงานโมบายล์อีกเช่นเคย
งาน Thailand Mobile Expo 2025 มหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดครั้งนี้ เรา True ID ได้รวบรวมไฮไลต์สำคัญของสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่หลายรุ่นจะมาวางขายที่งานนี้เป็นที่แรก วันนี้เราคัดมาให้เน้นๆ แล้วกับ 30 รุ่นเด็ดที่จะมาแน่ในงานนี้ ใครกำลังเล็งมือถือรุ่นใหม่อยู่ เดินงานนี้น่าจะได้เสียเงินกันล่ะ ไปติดตามกันเลย
iPhone 17 Pro Max
iPhone 17 Pro Max คือเรือธงที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปิดตัวด้วยดีไซน์ตัวเครื่องแบบชิ้นเดียวที่ขึ้นรูปจากอะลูมิเนียมสุดแกร่ง พร้อมขุมพลัง ชิป A19 Pro ที่เร็วสุดขั้ว และเสริมด้วยเทคโนโลยี Vapor Chamber ช่วยระบายความร้อน ทำให้สามารถรักษาระดับประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ได้นานต่อเนื่องสูงสุดถึง 40%! สำหรับสายกล้องก็ไม่ผิดหวัง เพราะมาพร้อมระบบกล้องหลัง 48MP ระดับโปรที่ซูมได้โหดขึ้นถึง 8 เท่าแบบออปติคัล ให้คุณเก็บรายละเอียดได้คมชัดกว่าเดิม และไฮไลต์เด็ดที่ทุบสถิติคือแบตเตอรี่ที่อึดที่สุดในตระกูล iPhone สามารถ เล่นวิดีโอได้นานสูงสุดถึง 37 ชั่วโมง ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง ปิดท้ายด้วยการอัปเกรดซอฟต์แวร์สู่ iOS 26 และฟีเจอร์อัจฉริยะ Apple Intelligence ที่ช่วยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การสร้างสรรค์ภาพไปจนถึงการแปลภาษาสดเลยทีเดียว
iPhone 17
iPhone 17 มาพร้อมการอัปเกรดที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.3 นิ้ว ที่สว่างสุดๆ และได้นำเทคโนโลยี ProMotion 120Hz มาใช้ในรุ่นมาตรฐานเป็นครั้งแรก ทำให้การแสดงผลลื่นไหลยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความทนทานด้วยกระจก Ceramic Shield 2 ที่ทนการขีดข่วนได้ดีกว่าเดิมถึง 3 เท่า! ด้านประสิทธิภาพใช้ชิป A19 ที่เร็วแรงและมีแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวัน นอกจากนี้ยังอัปเกรดระบบกล้องหลักเป็น Fusion คู่ 48MP และกล้องหน้าใหม่ Center Stage 18MP ที่สามารถจัดเฟรมภาพเซลฟี่กลุ่มได้อย่างชาญฉลาด ปิดท้ายด้วยการมาพร้อม iOS 26 และคุณสมบัติ Apple Intelligence ที่มีประโยชน์มากมาย เช่น การแปลภาษาสดและการสร้าง Genmoji ที่เปลี่ยนประสบการณ์การใช้งาน iPhone ไปอีกขั้น
Samsung Galaxy S25 Ultra
Samsung Galaxy S25 Ultra คือสุดยอดสมาร์ทโฟนที่รวมพลังแห่งนวัตกรรมไว้ครบถ้วน โดยมีไฮไลต์เด่นอยู่ที่การเป็นผู้นำเข้าสู่ยุค AI ในมือถือ (Galaxy AI) ที่ช่วยให้การทำงานในชีวิตประจำวันง่ายขึ้นมาก เช่น การทำงานหลายแอปพร้อมกันด้วยการสั่งการง่ายๆ ผ่าน Google Gemini เพียงแค่กดแล้วพูด นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้อง AI ProVisual Engine ที่ล้ำหน้าที่สุด เพื่อให้ได้ฟุตเทจที่คมชัดแม้ในที่แสงน้อย, ขับเคลื่อนด้วย หน่วยประมวลผลทรงพลังที่สร้างมาเพื่อ Galaxy โดยเฉพาะ, และมี อายุแบตเตอรี่ที่ไม่มีใครเทียบได้ ซึ่งใช้งานได้ยาวนานทุบสถิติถึง 37 ชั่วโมงสำหรับการเล่นวิดีโอ, ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้ดีไซน์ที่ ประณีตบรรจง ด้วย เฟรมไทเทเนียม ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ และปากกา S Pen ในตัวหนึ่งเดียวในตลาด
Samsung Galaxy S25 FE
Samsung Galaxy S25 FE มาพร้อมการอัปเกรดที่คุ้มค่าเพื่อมอบประสบการณ์ระดับเรือธงในราคาที่เข้าถึงได้ โดยโดดเด่นด้วยหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว ที่คมชัดและลื่นไหล, ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง Samsung Exynos 2400 (Deca-Core) ที่ให้ประสิทธิภาพสูง รองรับวิดีโอ 8K และมีกล้องหลังระดับโปรความละเอียด 50MP + 12MP + 8MP พร้อม Optical Zoom 3x และ OIS กันสั่น ที่สำคัญคือมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,900 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน รองรับการชาร์จเร็ว 45W (แบบมีสาย) และ 15W (ไร้สาย) พร้อมคุณสมบัติกันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68 ที่ช่วยให้คุณมั่นใจในการใช้งานในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ยังอัดแน่นด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะภายใต้ Galaxy AI มากมาย รวมถึง Google Gemini, Photo Assist และฟีเจอร์แก้ไขภาพอื่นๆ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการสเปกแรง กล้องเทพ และฟีเจอร์ AI ครบครัน
Samsung Galaxy A56 5G
Samsung Galaxy A56 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่มอบความสามารถที่โดดเด่นในซีรีส์ Galaxy A โดยมีไฮไลต์ที่หน้าจอแสดงผล FHD+ Super AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ที่มาพร้อมกับ Vision Booster เพื่อความสว่างสูงสุด 1,200 nits ทำให้รับชมได้อย่างยอดเยี่ยมทุกสภาพแสง, ตัวเครื่องมีความทนทานสูงด้วย เฟรมโลหะ และกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus®+ พร้อมมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 ภายในขับเคลื่อนด้วย หน่วยประมวลผล Octa-core ระดับเน็กซ์เจนพร้อมระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น ทำให้การเล่นเกมและการมัลติทาสก์ลื่นไหล, มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000 mAh ที่สามารถรับชมวิดีโอได้นานถึง 29 ชั่วโมง, และยังมีคุณสมบัติอัจฉริยะอย่าง "วงเพื่อค้นหาด้วย Google" และฟีเจอร์กล้อง Object Eraser ที่ช่วยให้ภาพถ่ายของคุณไร้ที่ติ
Xiaomi 15 Ultra
Xiaomi 15 Ultra คือสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ยกระดับการถ่ายภาพไปอีกขั้น ด้วยระบบ กล้องสี่ตัวแห่งอนาคตจาก Leica ที่มีไฮไลต์คือ กล้องหลัก 1 นิ้ว พร้อมเลนส์ออปติคอล Summilux จาก Leica และกล้อง Ultra Telephoto 200MP ใหม่ล่าสุด ที่ให้ช่วงซูมครอบคลุมตั้งแต่ 14 มม. ถึง 200 มม. พร้อมรูรับแสงที่กว้างในทุกความยาวโฟกัส ซึ่งช่วยให้สามารถเก็บภาพยามค่ำคืนและรายละเอียดจากระยะไกลได้อย่างเหนือระดับ ขุมพลังของเครื่องมาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite ที่ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิต 3nm เพื่อประสิทธิภาพที่ล้ำหน้า พร้อมทำงานบน Xiaomi HyperOS 2 ที่ขับเคลื่อนด้วย Xiaomi HyperAI เพื่อสร้าง Ecosystem อัจฉริยะ นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังมีดีไซน์ที่งดงามและทนทานด้วยโครงสร้าง Xiaomi Guardian Structure ที่ใช้เฟรมอะลูมิเนียมความแข็งแรงสูงและปกป้องด้วย Xiaomi Shield Glass 2.0
Xiaomi 15T Pro
Xiaomi 15T Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นในด้านประสิทธิภาพและการถ่ายภาพระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบ กล้อง Leica สามตัว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มี เลนส์เทเลโฟโต้ Leica 5x Pro พร้อมออปติคัลซูม 5 เท่า และซูมระดับออปติคัลสูงสุด 10 เท่า พร้อมกล้องหลัก 50MP Light Fusion 900 ที่ใช้เลนส์ Summilux จาก Leica ซึ่งมีรูรับแสงกว้างและเซนเซอร์ไดนามิกเรนจ์สูงถึง 13.5EV ทำให้เก็บรายละเอียดแสงและเงาได้อย่างสมบูรณ์แบบแม้ในที่แสงน้อย ด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9400+ และมาพร้อมจอถนอมสายตาขนาด 6.83 นิ้ว ที่มีรีเฟรชเรทสูงถึง 144Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหล นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,500mAh ที่ใช้งานได้ยาวนาน และรองรับระบบชาร์จเร็ว HyperCharge 90W (แบบมีสาย) และ 50W (แบบไร้สาย) ทำให้คุณพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
Redmi A5
Redmi A5 เป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นที่เน้นมอบประสบการณ์ที่คุ้มค่าในราคาที่เข้าถึงง่าย โดยมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.88 นิ้ว ที่ให้อัตราการรีเฟรชสูงถึง 120Hz และรองรับ DC dimming รวมถึงใบรับรองสามใบจาก TÜV Rheinland เพื่อการถนอมสายตา ทำให้ประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์และการอ่านลื่นไหลและสบายตา ภายในขับเคลื่อนด้วย โปรเซสเซอร์ Octa-core รุ่นใหม่ที่มอบประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นถึง 83% พร้อมรองรับการขยาย RAM แบบไดนามิกสูงสุด 8GB เพื่อความราบรื่นในการใช้งาน ด้านการถ่ายภาพมาพร้อม กล้องคู่ AI 32MP ที่มีเซ็นเซอร์กล้องใหญ่ขึ้น สามารถจับแสงได้มากขึ้น 18% ทำให้ถ่ายภาพยามค่ำคืนได้ดีขึ้น และโดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,200mAh ที่รองรับการชาร์จเร็ว 15W ซึ่งสามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 1.45 วันสำหรับการใช้งานทั่วไป
vivo X200 Pro
vivo X200 Pro ถูกสร้างมาเพื่อเป็นสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่โดดเด่นด้านการถ่ายภาพและประสิทธิภาพ ด้วยระบบกล้องที่พัฒนาร่วมกับ ZEISS ซึ่งมีไฮไลต์คือ กล้องเทเลโฟโต้ ZEISS APO คมชัด 200MP พร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่ที่ช่วยให้ซูมได้ถึง 100x และถ่ายภาพในโหมดต่าง ๆ ได้อย่างน่าทึ่ง เช่น เทเลโฟโต้พอร์ตเทรตที่สมบูรณ์แบบ, และ กล้องหลัก ZEISS สีสันเที่ยงตรง 50MP พร้อมเซนเซอร์ vivo × Sony LYT-818 เพื่อภาพถ่ายที่คมชัดและสีสันแม่นยำ ภายในขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง MediaTek Dimensity 9400 ขนาด 3 นาโนเมตร เพื่อประสิทธิภาพที่เหนือกว่า พร้อมชิปประมวลผลภาพและวิดีโอ vivo V3+ นอกจากนี้ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสุดอึดถึง 6,000 mAh พร้อมเทคโนโลยี Semi-Solid ที่ทนทานต่อสภาวะอุณหภูมิ และมีดีไซน์ที่หรูหราด้วยหน้าจอ Quad Curved ที่เสริมความแข็งแกร่งด้วย กระจก Armor Glass
vivo V60
vivo V60 คือสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มุ่งเน้นประสบการณ์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตขั้นสูงและแบตเตอรี่ที่ทนทานเป็นพิเศษ โดยมีไฮไลต์ที่ระบบกล้อง ZEISS ระดับโปร ประกอบด้วย กล้องหลัก ZEISS OIS 50MP และ กล้องซูเปอร์เทเลโฟโต้ ZEISS 50MP ที่มีโครงสร้างแบบปริทรรศน์ พร้อมระบบกันสั่น OIS ซึ่งสามารถรองรับ พอร์ตเทรต ZEISS หลายระยะโฟกัส ได้ถึง 5 ระยะ และมีโหมด เทเลโฟโต้ซูมเวที 10x เพื่อเก็บภาพได้คมชัดแม้ในระยะไกล ด้านพลังงานโดดเด่นด้วยแบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6,500 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 90W FlashCharge นอกจากนี้ยังมาพร้อมการป้องกันที่ครอบคลุมด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 และ IP69 และมีฟีเจอร์ AI ช่วยปรับแต่งภาพถ่าย เช่น AI พอร์ตเทรต 4 ฤดู และ AI ช่วยลบวัตถุในภาพ
iQOO 13 5G
iQOO 13 5G คือสมาร์ทโฟนเรือธงที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการเล่นเกมและการใช้งานหนัก โดยมาพร้อมกับชิปเซ็ตระดับเรือธง Snapdragon 8 Elite Mobile Platform ที่ใช้กระบวนการผลิต 3 นาโนเมตร และสถาปัตยกรรมคอร์ขนาดใหญ่ทั้งหมด 2+6 ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 45% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 44% พร้อมระบบระบายความร้อน Ultra VC 7K เพื่อควบคุมอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นด้านการแสดงผลด้วย หน้าจอถนอมสายตา 2K 144Hz ที่มาพร้อมชิปประมวลผลกราฟิก Q2 ทำให้สามารถทำงานพร้อมกันที่ความละเอียด 2K และอัตราเฟรม 144 FPS เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่บางเฉียบความจุ 6,150 mAh และระบบกล้องหลังสามตัวความละเอียดสูง 50MP + 50MP + 50MP เพื่อการถ่ายภาพด้วยสีสันสมจริง
realme GT 7 Pro
realme GT 7 Pro เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่เน้นพลังการทำงานและการถ่ายภาพขั้นสูง โดยขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite ซึ่งเป็นชิปตัวแรกของ Qualcomm ที่ใช้โครงสร้าง dual prime core และกระบวนการผลิต 3nm จาก TSMC ทำให้มีสมรรถนะสูงขึ้น 45% พร้อมคะแนน AnTuTu มากกว่า 3,000,000+ มาพร้อมกล้องหลัง AI Ultra-clear Snap สามตัวระดับแฟลกชิปจาก Sony ซึ่งประกอบด้วย IMX 882 3X Periscope 50MP เพื่อการซูมระยะไกลถึง 120X ได้อย่างคมชัด และมีฟีเจอร์ AI ด้านภาพถ่ายที่หลากหลาย หน้าจอเป็นแบบ RealWorld Eco² OLED Plus ขนาด 6.78 นิ้ว ที่ realme พัฒนาร่วมกับ Samsung ซึ่งเป็นจอแบน LTPO 8T ที่ให้อัตรารีเฟรชแบบแปรผัน 120Hz พร้อมความสว่างสูงสุด 6,500 นิต และยังมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,500mAh ที่รองรับระบบชาร์จเร็ว Ultra Charge 120W นอกจากนี้ยังมีความทนทานต่อฝุ่นและน้ำในระดับสูงสุดด้วยมาตรฐาน IP69
realme 15 Pro 5G
realme 15 Pro 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นในด้านประสิทธิภาพ กล้องถ่ายภาพ และแบตเตอรี่ โดยขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 7 Gen 4 ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 1,100,000 คะแนน AnTuTu พร้อมระบบระบายความร้อน 7000mm² AirFlow VC ขนาดใหญ่เพื่อรองรับการเล่นเกมที่หนักหน่วงได้ยาวนาน กล้องมีความคมชัดสูงระดับ Photography Master ด้วยกล้อง 50MP ครบทุกเลนส์ (กล้องหลัก, กล้องมุมกว้าง, และกล้องเซลฟี่) ซึ่งรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60fps ได้ทุกเลนส์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน้าจอ 144Hz HyperGlow 4D Curve+ เพื่อประสบการณ์ภาพที่สว่างสดใสและลื่นไหล และมีแบตเตอรี่ความจุใหญ่พิเศษถึง 7,000mAh พร้อมระบบชาร์จไว 80W Ultra Charge ที่ช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดวัน
realme Note 70
realme Note 70 เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นความทนทานและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานเป็นพิเศษ ด้วยแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,300mAh พร้อมระบบชาร์จไว 15W และฟังก์ชันชาร์จย้อนกลับ 6W ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 2 วัน ตัวเครื่องมีความแข็งแกร่งด้วยโครงสร้าง ArmorShell™ ที่ผ่านมาตรฐานทางทหารสำหรับกันกระแทกระดับสูง (ทนตกสูง 1.8 เมตร) และมีระดับการป้องกันฝุ่นและน้ำกระเด็น IP54 ภายในขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Octa-core ที่ทำคะแนน AnTuTu ได้ 280K และมีหน้าจอ 90Hz ที่รองรับ Real DC-Dimming เพื่อถนอมสายตา นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI เช่น AI Eraser สำหรับลบวัตถุในภาพ และมีลำโพงที่ให้พลังเสียงดังถึง 300%
OPPO Find X8 Pro
OPPO Find X8 Pro คือสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่เน้นความเป็น "ที่สุดของกล้อง และ AI ทรงพลัง" โดยมีจุดเด่นที่ระบบกล้อง Hasselblad ที่มาพร้อม กล้องหลัก Hypertone 4 ตัว ประกอบด้วย กล้อง Telephoto คู่ (3x และ 6x) ความละเอียด 50MP ทั้งคู่ ซึ่งรองรับการซูมสูงสุดถึง 120x ด้วยพลัง AI Telescope Zoom พร้อมฟีเจอร์ AI ด้านการถ่ายภาพ เช่น Lightning Snap และ AI Photo Remaster ด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Trinity Engine x Dimensity 9400 ระดับ 3 นาโนเมตร เพื่อการทำงานที่เสถียรและทรงพลัง และมาพร้อมแบตเตอรี่ OPPO Silicon-carbon ความจุ 5,910mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 26 ชั่วโมง และรองรับการชาร์จไว 80W SuperVOOC
OPPO Reno 14 Series
OPPO Reno 14 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น "ไอเทมคู่ใจสำหรับปาร์ตี้" โดยเน้นที่การถ่ายภาพพอร์ตเทรตในสภาวะแสงน้อยด้วยฟีเจอร์ AI แฟลช ที่สุดของการถ่ายภาพด้วยแฟลช และ AI แก้ไขภาพอัจฉริยะ 2.0 ที่ทำหน้าที่เหมือนช่างภาพมืออาชีพส่วนตัว ตัวเครื่องมีความโดดเด่นด้วยดีไซน์ลวดลายหางปลาพลิ้วไหวแบบ ดีไซน์ออร่าไล่เฉดสี และ ฝาหลังกระจกกำมะหยี่ ที่บางเฉียบเพียง 7.42 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 187 ก. พร้อมหน้าจอ OLED 6.59 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz ที่รองรับฟีเจอร์ Splash Touch และยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI สำหรับการเล่นเกม (AI Gaming) และระบบปฏิบัติการ ColorOS ที่มี Google Gemini ในตัว
OPPO A6 Pro 5G
OPPO A6 Pro 5G มีจุดเด่นที่ความทนทานเป็นพิเศษและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับสูงสุด IP69 ซึ่งสามารถทนทานต่อน้ำแรงดันสูงและน้ำร้อนกระเด็นได้ พร้อมการรับรองมาตรฐานทางการทหารเพื่อทนต่อแรงกระแทก ตัวเครื่องมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,500mAh ที่ทนทานยาวนานเกิน 5 ปี และรองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOC™ ที่สามารถชาร์จเต็มได้ภายใน 50 นาที นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์ความบันเทิงที่ลื่นไหลผ่านหน้าจอ AMOLED สว่างพิเศษ 120Hz และระบบระบายความร้อน SuperCool VC ที่ช่วยให้เครื่องเย็น แม้ในระหว่างการเล่นเกมหนักด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300
HUAWEI Pura 80 Ultra
HUAWEI Pura 80 Ultra ถูกนิยามให้เป็น "นิยามใหม่ของดีไซน์แห่งอนาคต" ที่มุ่งเน้นความเป็นเลิศด้านการถ่ายภาพอย่างที่สุด โดยมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ระบบกล้อง "เทเลโฟโต้คู่แบบสลับได้" ที่มีเซนเซอร์ขนาดใหญ่พิเศษ พร้อม กล้อง Ultra Lighting HDR ขนาด 1 นิ้ว ซึ่งให้ช่วงไดนามิกสูงถึง 16 EV ทำให้เก็บรายละเอียดแสงและเงาได้อย่างแม่นยำแม้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอ Crystal Armour Kunlun Glass รุ่นที่ 2 เพื่อความทนทาน และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่เน้นสัญลักษณ์ Forward Symbol และวงแหวนกล้องสีทอง พร้อมประสบการณ์อันชาญฉลาดและทรงพลังผ่านฟีเจอร์ AI ต่าง ๆ
HUAWEI nova Y73
HUAWEI nova Y73 โดดเด่นด้วยการเป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นความอึดของแบตเตอรี่และความทนทาน โดยมาพร้อม แบตเตอรี่ซุปเปอร์ขนาดใหญ่ 6,620 mAh ที่สามารถรองรับการใช้งานได้ยาวนาน และเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 40 W HUAWEI SuperCharge Turbo ที่ชาร์จเพียง 10 นาทีก็สามารถเล่นวิดีโอได้ถึง 5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังได้รับการออกแบบให้ ทนทานต่อการตกและละอองน้ำ ด้วยการรับรองระดับห้าดาวจาก SGS และมาตรฐาน IP64 สำหรับกันฝนและฝุ่น และมีฟีเจอร์ที่ใช้งานง่ายอย่าง X Button ซึ่งทำหน้าที่เป็นปุ่มลัดอเนกประสงค์สำหรับการเรียกใช้แอปที่ใช้บ่อย, ทางลัดวิดเจ็ต หรือเป็นรีโมทอัจฉริยะ
HONOR Magic V5
HONOR Magic V5 เป็นสมาร์ทโฟนจอพับได้ที่เน้นการพลิกโฉมประสบการณ์ผู้ใช้ โดยมีจุดเด่นที่การออกแบบ "ศิลปะแห่งการพับที่ 8.8 มม." ซึ่งบางเฉียบที่สุดในอุตสาหกรรม และมีความทนทานสูงด้วยบานพับเหล็กเกรดโล่ที่ทนทานต่อการพับได้ 500,000 ครั้ง พร้อมการรับรองกันน้ำและฝุ่นระดับ IP58 และ IP59 ด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon® 8 Elite Mobile Platform และยังให้พลังงานที่ยาวนานด้วย แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน 5,820mAh ซึ่งเป็นรุ่นแรกในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังมีการบูรณาการ Gemini AI สำหรับผู้ช่วยอัจฉริยะแบบแบ่งหน้าจอ และมาพร้อมระบบกล้อง HONOR Falcon ที่มีกล้อง Telephoto Periscope Ultra Sensing 64MP เพื่อการถ่ายภาพระดับภาพยนตร์
HONOR 400 Pro
HONOR 400 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้านการถ่ายภาพด้วย ระบบกล้องหลัก AI แบบแอดวานซ์ความละเอียด 200MP พร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.4 นิ้ว และระบบกันสั่น OIS/EIS รวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ 50MP ที่ซูมออปติคอลได้ 3 เท่า และฟีเจอร์ Advance AI Image to Video และ HD Moving Photo ตัวเครื่องมาพร้อมดีไซน์บางเบา (8.1 มม., 205 ก.) ที่จับถนัดมือ และยังมอบพลังงานที่เหนือกว่าด้วย แบตเตอรี่ซิลิกอนคาร์บอน 6,000mAh พร้อมคุณสมบัติความทนทานระดับสูงด้วยมาตรฐาน กันน้ำและฝุ่น IP68 & IP69 นอกจากนี้ยังมี หน้าจอสว่างสูงสุด 5,000 nit ทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจนในทุกสภาพแสง
HONOR X9C 5G
HONOR X9C 5G ถูกออกแบบมาเพื่อความทนทานเป็นพิเศษและแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนาน โดยมีจุดเด่นหลักคือเทคโนโลยีป้องกันการตกกระแทก HONOR Ultra-Bounce 2.0 ที่ต้านทานการตกได้ถึง 2 เมตร พร้อมการปกป้องรอบด้าน 360° และมาตรฐานกันน้ำระดับ IP65M นอกจากนี้ยังมาพร้อม แบตเตอรี่ซิลิคอนคาร์บอนขนาดใหญ่พิเศษ 6,600mAh ที่รองรับการชาร์จไว 66W HONOR SuperCharge เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานตลอดวัน ด้านความบันเทิงมาพร้อม หน้าจอ Risk-free Dimming ที่มีความสว่างสูงสุดถึง 4,000 nits เพื่อความสบายตา และระบบ กล้อง AI คมชัด 108MP พร้อม OIS เพื่อการถ่ายภาพที่คมชัดและลดภาพเบลอ
Infinix GT 30 Pro
Infinix GT 30 Pro ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เกมเมอร์โดยเฉพาะ โดยมีไฮไลต์สำคัญที่ประสิทธิภาพในการเล่นเกมอย่างเหนือชั้นด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 Ultimate 5.5G ที่สามารถขยาย RAM ได้สูงสุดถึง 24GB พร้อมระบบระบายความร้อนเพื่อเกมเมอร์ตัวจริง ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอเกมมิ่งระดับเรือธง 1.5K & 144Hz AMOLED ที่มีอัตรารีเฟรช 144Hz และอัตราการตอบสนองการสัมผัส 2160Hz เพื่อความลื่นไหลสูงสุด นอกจากนี้ยังมีปุ่ม GT Trigger ที่ช่วยให้ควบคุมเกมได้อย่างแม่นยำเหมือนคอนโซล และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แบบ Mechanical Light Waves ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมกล้องหลักความคมชัด 108MP สำหรับการถ่ายภาพที่คมชัดในทุกรายละเอียด
Infinix Note 50 Pro+ 5G
Infinix Note 50 Pro+ (5G) ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่เร็วแรงและทรงพลังในทุกด้าน โดยมีไฮไลต์สำคัญที่สเปคระดับสูง ได้แก่ ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 Ultimate ที่รองรับ 5G เพื่อความเร็วเหนือจินตนาการ และมอบประสบการณ์การเล่นเกมเฟรมเรตสูง 120FPS ได้อย่างเสถียร ระบบกล้องโดดเด่นด้วยกล้องหลักคมชัด 50MP พร้อม OIS และกล้อง Periscope Telephoto 50MP ที่สามารถซูมได้สูงสุดถึง 100X และรองรับการถ่ายวิดีโอ 4K 60FPS ตัวเครื่องใช้ แบตเตอรี่ Cheetah Ultra 5,200 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 100W และรองรับการชาร์จไร้สาย MagCharge 50W ทั้งหมดนี้ถูกประกอบอยู่ในดีไซน์ที่ประณีตด้วยวัสดุ ArmorAlloy™ ที่ผสานความแกร่งจาก Damascus Steel และ Aerospace-Grade Aluminium
Infinix Smart 10Plus
Infinix Smart 10 Plus เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นความทนทานและการใช้งานที่ยาวนาน ด้วยจุดเด่นหลักคือ แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 6,000 mAh พร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 18W ที่สามารถสแตนด์บายได้นานถึง 36 วัน และยังมีความทนทานสูงด้วยมาตรฐาน IP64 กันฝุ่นและน้ำ พร้อมผ่านการทดสอบความทนทานต่อการตกกระแทกถึง 1.5 เมตร ด้านประสบการณ์การใช้งานมีความลื่นไหลจาก จอ Punch-Hole 120Hz ที่สว่างสูงสุด 700 nit ทำให้อ่านชัดแม้กลางแจ้ง และชิปประมวลผล T7250 ที่ได้รับการรับรองความลื่นไหลนาน 48 เดือนจาก TÜV นอกจากนี้ยังมอบประสบการณ์เสียงที่ดื่มด่ำจาก ลำโพงคู่ ที่มีพลังเสียงเพิ่มขึ้น 300% และมาพร้อมฟีเจอร์ Infinix AI ที่ช่วยในการเขียนสรุป และแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ได้อย่างง่ายดาย
Nothing Phone 3
Nothing Phone (3) ยังคงโดดเด่นด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และฟีเจอร์ที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ โดยมีไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ New Glyph Interface ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Nothing ที่ผสานแสงและเสียงเพื่อการแจ้งเตือนและการสื่อสารที่ไม่เหมือนใคร ในด้านการถ่ายภาพ มาพร้อม Four 50MP cameras system และเทคโนโลยี TrueLens Engine 4 เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายให้เป็นมืออาชีพยิ่งขึ้น ตัวเครื่องขับเคลื่อนด้วยประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน (Phone 2) และมาพร้อม AMOLED Display ที่มอบประสบการณ์การแสดงผลที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังนำเสนอ New Essential Search ภายใต้ระบบปฏิบัติการ Nothing OS เพื่อการค้นหาข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างรวดเร็วและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
CMF Phone 2 Pro
CMF Phone 2 Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เน้นความสวยงามตามแบบฉบับของ CMF by Nothing ในโทนสีที่ตัดกันอย่างลงตัว มาพร้อมกับฟีเจอร์หลักที่ครอบคลุมการใช้งานที่จำเป็น โดยมีกล้องหลังแบบ Four cameras system ที่เน้นการเก็บแสงได้มากขึ้น (more light) เพื่อภาพถ่ายที่มีคุณภาพ ตัวเครื่องมาพร้อมประสิทธิภาพที่ปรับปรุงจากรุ่นก่อน และใช้งานได้ยาวนานด้วย แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh พร้อมทั้งมีหน้าจอแบบ AMOLED display ที่คมชัด นอกจากนี้ยังถูกสร้างขึ้นอย่างมีสุนทรียภาพด้วยขอบที่เพรียวบาง (Sleek edges) และได้รับการรับรองมาตรฐานการกันน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP54 เพื่อความทนทานในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
Nubia Air
Nubia Air เป็นสมาร์ทโฟนที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เน้นความบางและเบาเป็นพิเศษ โดยมีความบางเพียง 5.9 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 172 กรัม ในขณะที่ยังคงความทนทานในระดับเรือธงด้วยมาตรฐาน กันน้ำและฝุ่น IP69K, IP69 และ IP68 หน้าจอเป็นแบบ AMOLED Display ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (1224x2720) ที่มีอัตรารีเฟรช 120Hz และความสว่างสูงสุด 4,500 nits ซึ่งถูกปกป้องด้วย Corning® Gorilla® Glass 7i ด้านประสิทธิภาพขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต octa-core 5G พร้อม Dynamic RAM สูงสุด 20GB และมาพร้อม แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,000mAh พร้อมชาร์จเร็ว 33W สำหรับการถ่ายภาพ มี กล้องหลัง 50MP AI Triple Camera และกล้องหน้า 20MP พร้อมฟีเจอร์ AI อัจฉริยะ เช่น AI Real-time Translate และ AI Magic Photos
Nubia Neo 3 GT 5G
Nubia Neo 3 GT 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ถูกออกแบบมาเพื่อเกมเมอร์ยุคใหม่โดยเฉพาะ ด้วยดีไซน์แนว Mecha สุดเข้ม พร้อม RGB Lighting ที่สะท้อนความเป็นสายเกมอย่างชัดเจน และเสริมด้วย Gaming Shoulder Triggers (ทริกเกอร์เกมมิ่งคู่) เพื่อการควบคุมเกมที่แม่นยำและลื่นไหล หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Ultra-Smooth Display 120Hz ขนาด 6.8 นิ้ว ที่มีความสว่างสูงสุดถึง 1,000 nits เมื่อใช้งานกลางแจ้ง ขับเคลื่อนด้วย โปรเซสเซอร์ 5G Unisoc T8300 ประสิทธิภาพสูง พร้อมเทคโนโลยีรวมแรมสูงสุด 20GB Dynamic RAM และแบตเตอรี่ความจุสูง 6,000 mAh พร้อมชาร์จไว 33W ที่รองรับ Bypass Charging เพื่อลดความร้อนขณะเล่นเกม นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบกล้อง AI Neovision 50MP และฟีเจอร์ AI Game Space 3.0 ที่มีคู่หูอัจฉริยะช่วยในการเล่นเกมโดยเฉพาะ
Redmagic 10 Air
REDMAGIC 10 Air คือสมาร์ทโฟนสำหรับเล่นเกมที่เน้นประสิทธิภาพและความเย็นอย่างเหนือระดับ โดยขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตเรือธง Snapdragon® 8 Gen 3 ที่ทำงานร่วมกับชิปเกมมิ่ง RedCore R3 และ Energy Cube Technology เพื่อมอบขุมพลังที่ทรงประสิทธิภาพเกินขีดจำกัด พร้อมระบบระบายความร้อน ICE-X แบบ 9 ชั้น และเทคโนโลยี Liquid Metal Cooling ที่ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างราบรื่นและยาวนานโดยไม่ร้อน ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 6.8 นิ้ว อัตรารีเฟรช 120Hz เพื่อภาพที่สมจริง มี ปุ่มไหล่ (Shoulder Triggers) ที่ตอบสนองรวดเร็วถึง 520Hz และไฟ RGB ที่เสริมบรรยากาศการเล่นเกม นอกจากนี้ยังมี แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 80W และมีกล้องหลังคู่ 50MP + 50MP พร้อมการทำงานของ Google Gemini AI เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่ครบเครื่องยิ่งขึ้น
นี้เป็นเพียงบางส่วนของสมาร์ตโฟนที่จะมาถล่มงาน Thailand Mobile Expo 2025 นะครับ เพราะได้ข่าวว่าจะมีมามากกว่า 80 รุ่นที่งานนี้ ใครที่หามือถือใหม่อย่าลืมนะครับ 23–26 ตุลาคม 2568 ที่ ศูนย์ฯ สิริกิติ์ แล้วเจอกันครับ