ป่าไม้ตรวจที่ดิน "แม่ธนาธร" ส่อเพิกถอนสิทธิ์ยึดคืนหลวง
วันที่ 5 มิถุนายน 2563 นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า นายพัฒนะ ศิริมัย ผอ.ศูนย์ป่าไม้จังหวัดราชบุรี จ.ราชบุรี และ พนักงานสืบสวนสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัด ศูนย์ป่าไม้ที่ 10 ราชบุรี, ฝ่ายปกครอง อำเภอจอมบึง และผู้ใหญ่บ้าน นำแผนที่การแสดงแนวเขตของพื้นที่ดินเข้าตรวจสอบที่ดินของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้ไม่ได้มีตัวแทนของนางสมพร เจ้าของที่ดินมาร่วมตรวจสอบ หรือ มาสังเกตการณ์แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ป่าไม้และคณะได้ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเดินทางเข้าไปตรวจสอบตามถนนที่มีการตัดผ่านที่ดินตามเอกสารสิทธิ์ ซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ และเข้าไปยังพื้นที่สาธารณะ ที่ปรากฏในแผนที่ นส.3ก โดยมีสื่อมวลชนจากสำนักต่างๆ เฝ้าติดตามการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ปาไม้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้การเข้าตรวจสอบดังกล่าว เป็นการปฏิบัติงานตามคำร้องของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ที่ขอให้ตรวจสอบแปลงที่ดินในครอบครองของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของนายธนาธร อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในท้องที่หมู่ที่ 14 ตำบลรางบัว อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ว่าเป็นที่ดินที่มีหลักฐานตามกฎหมายที่ดินหรือไม่ เป็นหลักฐานประเภทใด เนื้อที่เท่าไร และเพื่อตรวจสอบว่าเป็นการบุกรุกถือครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ที่ผ่านมากรมป่าไม้ ได้เข้ามาดำเนินการเข้าพื้นที่ตรวจสอบเพื่อให้ทราบถึงข้อมูลข้อเท็จจริง โดยมีตัวแทนของนางสมพร ได้นำเอกสารหลักฐานซึ่งแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาแสดงสิทธิการเข้าทำประโยชนในที่ดิน มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ พร้อมทั้งนำชี้แนวเขตที่ดินในครอบครองไปแล้ว และทางด้านนางสาวปารีณาก็ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วยในครั้งล่าสุด
จากการตรวจสอบพบว่าเดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นของเกษตรกรและได้มีการขาย ได้กับโรงงานน้ำตาลแห่งหนึ่ง ต่อมาทางนางสมพร ได้มีการมาเหมาซื้อแบบยกเข่ง เมื่อปี 2534 จำนวน 3,500 ไร่ ซึ่งมีเอกสารสิทธิของกรมที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนของ ภ.บ.ท. และมีหลักฐานกรรมสิทธิ์หลายแบบ ทั้งที่เป็นโฉนดที่ดิน น.ส.3 ก, น.ส.3, น.ส.2 และ ภบท.5 ซึ่งในเอกสารสิทธิมีอยู่รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,700-2,800 ไร่ นอกนั้นเป็น น.ส.2 กับ ภบท.5 (เป็นเอกสารการจับจอง)
โดยที่ศูนย์ป่าไม้ราชบุรีได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบตามหลักฐาน โดย น.ส.อรสา เศรษฐปราโมทย์ เป็นผู้แทนนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของที่ดิน ได้นำมาแสดงไว้จำนวน 77 แปลง เนื้อที่ 3,098 ไร่ ประกอบด้วยโฉนดเนื้อที่ 3,098 ไร่ 1 งาน 27.3 ตารางวา ตามการนำชี้และตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในครั้งนั้น น.ส.อรสา ได้นำเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินมาแสดงเป็นเอกสารโฉนดที่ดิน นส.3 ก, นส.3, นส.2 และ ภบท.5 ซึ่งในเอกสารสิทธิมีอยู่รวมทั้งสิ้นประมาณ 2,700-2,800 ไร่ นอกนั้นเป็น นส.2 กับ ภบท.5 (เป็นเอกสารการจับจอง) มีรายละเอียดแยกเป็น โฉนด จำนวน 1 แปลง, นส.3ก จำนวน 55 แปลง, นส.3 จำนวน 14 แปลง และ นส.2 จำนวน 7 แปลง รวม 77 แปลง
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า เผยให้ทราบถึงขั้นตอนของการทำงาน ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 70% ซึ่งต้องขอเท้าความก่อนว่า พื้นที่นี้ถูกร้องเรียนโดยคุณปารีณา เข้าไปที่กรมป่าไม้ว่าทำไมไม่มาดำเนินการเข้ามาตรวจสอบที่ดินของนางสมพร แม่ของนายธนาธรบ้าง ได้แต่ตรวจสอบที่ดินของตนเองฝ่ายเดียว เรื่องนี้ต้องเรียนให้ทราบว่าการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวนี้เราใช้เวลาในการตรวจสอบมาพอสมควรแล้ว เพราะว่ามันมีเอกสารสิทธิ์ ทั้ง นส.3ก, นส.3 และที่ดินที่มีโฉนดด้วย และต้องใช้การตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ด้วย หลายอย่าง 1.การแปลภาพถ่าย 2.ดูเรื่องระเบียบที่เกี่ยวของว่าออกเอกสารหลักฐานการถือครองมาได้อย่างไร วันนี้เราทำไปได้เกินครึ่งแล้ว รู้คร่าวๆแล้วว่าจะต้องเกี่ยวข้อง อะไรอย่างไร
ซึ่งวันนี้จุดที่เราพาเข้ามาตรวจสอบนี้อยู่ในพื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติทั้งหมดซึ่งเป็นการประเมินคร่าวๆ นะว่า ในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ์ในตามแผนที่นี้ออกมาเราจะต้องไปดูว่าออกมาได้อย่างไร ด้วยวิธีใด และเราไปตรวจสอบทราบว่ามาในพื้นที่ของ 2,100 ไร่ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวตามแผนที่นี้ที่มีการออกเอกสารสิทธิ์ออกมาก่อนการประกาศป่าสงวนแห่งชาติ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติออกเมื่อปี 2527 แต่เอกสารสิทธิ์ในพื้นที่นี้ออกเมื่อปี 2521 ก่อนหน้า 6-7 ปี แต่ก่อนที่จะออกเอกสารสิทธิ์นี้มันมีแนวเขตของป่าไม้ถาวร การที่จะมาออกเอกสารสิทธิ์ได้นั้นต้องมีระเบียบและขั้นตอนของมันอยู่ถ้ามี สค.1 ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่มี สค.1 เป็นการเดินสำรวจเข้ามาในเขตป่าไม้ถาวรก็จะแสดงว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องนำเรื่องราวการตรวจสอบทั้งหมดส่งให้กรมที่ดิน อันนี้คือการปูให้เห็นคร่าวๆ ก่อนว่าการทำงานเป็นวิธีแบบนี้
แต่วันนี้เราเห็นคร่าวๆ แล้วว่าอยู่ในแนวเขตของป่าสงวนแห่งชาติ อยู่ในเขตป่าถาวร วันนี้ก็รอให้หน่วยงานของกรมที่ดิน 1.ที่เราทำหนังสือไปแล้วว่าจะรับรองมาว่าพื้นที่นี้อยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ อยู่ในเขตป่าไม้ถาวร อะไรอย่างไรจากกรมพัฒนาที่ดิน 2.เราจะเอาสาระบบมาดูว่าแต่ละแปลงมีการออกเอกสารสิทธิ์มาด้วยวิธีใด ออกมาด้วยชอบหรือไม่ชอบ ถ้าออกมาแบบไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะต้องส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนตามมาตรา 61 ต่อไป
ที่ดินนี้ก็จะกลับมาเป็นของรัฐ กลับมาเป็นป่าสงวนที่มาซ้อนทับกับปฏิรูปที่ดิน และในส่วนที่เป็นป่าชุมชนจะสังเกตได้ว่าไม่มีการครอบครอง ไม่มีเอกสารสิทธิ์ให้ทางผู้ใหญ่บ้านที่มีความต้องการที่จะทำเป็นป่าชุมชนแบบคู่ขนานไปวันหนึ่งวันใดถ้ามีการเพิกถอนที่ดินเหล่านี้ได้ก็จะเพิ่มเป็นป่าชุมชนก็ไม่มีปัญหา เพราะเราต้องการให้ชุมชนเข้ามาดูแลเพราะวันนี้เรามี พ.ร.บ.ป่าชุมชนเข้ามา ทีนี้ข้อสูดท้ายเรายังพบว่าในพื้นที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์นี้มีชาวบ้านเข้าไปครอบครองทำไร่มันสัมปหลัง ปลูกสับปะรดอยู่ ถามว่าเราจะดำเนินคดีไม้เราก็ต้องคัดกรอง พี่น้องชาวบ้านถ้าเขาอยู่ด้วยคุณสมบัติของเขา ให้อาศัยทำกินอยู่ในเขตป่าสงวนได้มีการผ่อนปรน ตรงนี้ภาครัฐดูแลก็จะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ถ้ากลุ่มที่เรากำลังตรวจสอบนี้หากมีการออกเอกสารสิทธิ์ได้มาด้วยไม่ชอบตามกฎหมายเราก็จะต้องเพิกถอน การดำเนินการมีความคืบหน้าไปเยอะแล้วรู้เลาๆ แล้วว่าจะต้องไปในทิศทางอย่างไร นส.3ก มีเนื้อที่ 2,000 กว่าไร่เป็นพื้นที่สีเขียว รวมทั้งหมด 3,000 กว่าไร่
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม กล่าวอีกว่า ส่วนพื้นที่ นส.3ก. ที่มีอยู่ 2,000 กว่าไร่นี้ ทางตัวแทนของนางสมพร ได้นำเอกสารสิทธิ์มาแสดงและนำชี้ทั้งหมดแล้ว พื้นที่ นส3.ก. นี้พื้นที่ไม่มีการขยับเปลี่ยนไปแน่นอน แต่พื้นที่ นส.3 อาจจะมีการบิดเบี้ยวไปได้ ส่วน พื้นที่โฉนดนั้นไม่มีปัญหา วันนี้เราแบ่งพื้นที่เป็น 3 กอง กองที่ 1 สน.3ก. นี้มีเนื้อที่ 2,000 กว่าไร่ เราให้ความสนใจที่สุด เพราะเราเดินมาเกินครึ่งทางแล้วซึ่งเราต้องใช้คำว่า น่าจะออกเอกสารสิทธิ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องเพิกฐานจะหาว่าเราทำอะไรไม่มีความคืบหน้า
ตอนนี้เราทำไปได้ 70% แล้ว รอให้ทางกรมพัฒนาที่ดินตอบหนังสือมาเท่านั้น ให้ทางกรมที่ดินส่งสาระบบที่ดินมาให้เรา ก็น่าจะ “ฟันธงได้” เพิกถอนเอากลับมาเป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ให้ชุมชนมอบให้ผู้ใหญ่ที่มีคามตั้งใจที่จะทำเป็นป่าชุมชน ส่วนที่เหลือก็จะนำไปแบ่งให้กับประชาชนที่ยังขาดแคลนที่ดินทำกินต่อ ทั้งหมดนี้เราจะฟันธงได้ เรามีหลักฐานเพียงพอ โดยมาจากภาพถ่ายทางอากาศที่เห็นว่าพื้นที่นี้อยู่ในรอบป่าไม้ถาวรประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นๆที่เรามีอยู่และเป็นไปตามกฎประกาศท้ายกระทรวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ปารีณา”ยื่นเอกสารร้องกรมป่าไม้ “แม่ธนาธร” บุกรุกพื้นที่ป่า
ป่าไม้ตรวจสอบที่ดินแม่ธนาธร ตามคำร้องขอ”ปารีณา”
“แม่ธนาธร”ยกที่ดินในราชบุรี 500 ไร่ คืนหลวง หลัง "ปารีณา"ร้องเรียน
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online