มหากาพย์เขากระโดง สมรภูมิที่ดิน 5,000 ไร่ กับข้อพิพาทแสนยาวนาน
มหากาพย์เขากระโดง: เมื่อข้อพิพาทที่ดินกลายเป็นสมรภูมิการเมือง
เมื่อกล่าวถึง "เขากระโดง" หลายคนอาจนึกถึงภูเขาไฟที่ดับสนิทในจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ในปัจจุบัน ชื่อนี้กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้งที่ซับซ้อนระหว่างหน่วยงานรัฐ
ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินเขากระโดงกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากที่นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ส่งหนังสือแจ้งนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าคณะกรรมการสอบสวนมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกทับที่ดินของ รฟท. กว่า 5,000 ไร่
การตัดสินใจนี้เป็นการจุดชนวนความขัดแย้งระหว่างสองกระทรวงใหญ่ในรัฐบาล ได้แก่ กระทรวงคมนาคมที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งดูแล รฟท. และกระทรวงมหาดไทยที่กำกับโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ซึ่งดูแลกรมที่ดิน
ต้นเหตุข้อพิพาทและประวัติศาสตร์อันยาวนาน
เรื่องราวของที่ดินเขากระโดงย้อนกลับไปกว่าศตวรรษ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2462 รัฐบาลสยามในยุคนั้นได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือจากนครราชสีมาถึงอุบลราชธานี ซึ่งรวมถึงพื้นที่เขากระโดง โดยสั่งห้ามการทำธุรกรรมใด ๆ ในพื้นที่ที่มีการกำหนดไว้เพื่อประโยชน์ของการรถไฟ
อย่างไรก็ตาม ในปี 2513 เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อราษฎรนำโดยนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา ได้เข้าไปครอบครองพื้นที่ดังกล่าว แม้จะยอมรับว่าเป็นที่ดินของการรถไฟในเวลานั้นและขออนุญาตอาศัยชั่วคราว แต่ต่อมาในปี 2515 ที่ดินบางส่วนถูกนำไปออกเป็นโฉนดและขายต่อให้กับกลุ่มทุนท้องถิ่น ซึ่งรวมถึงกลุ่มนักการเมืองในพื้นที่
การยกระดับข้อพิพาททางกฎหมาย
ศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้มีคำพิพากษาอย่างน้อย 2 คดี ยืนยันว่าที่ดินพิพาทบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยมีรากฐานมาจากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสร้างทางรถไฟหลวง พ.ศ. 2462 ซึ่งห้ามมิให้มีการออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ ในพื้นที่ดังกล่าว
มิติทางการเมืองและการต่อสู้ระหว่างพรรคใหญ่
นอกจากปัญหาทางกฎหมายแล้ว ข้อพิพาทนี้ยังเป็นเวทีการต่อรองทางการเมืองที่เข้มข้น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ เขาได้ย้ำให้ยึดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์
ขณะที่ฝั่งนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จากพรรคภูมิใจไทย กลับเสนอแนวทางให้ รฟท. ฟ้องร้องในชั้นศาลเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ของตนอีกครั้ง
การต่อสู้ครั้งนี้มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จากพรรคเพื่อไทย พยายามลดความร้อนแรงของความขัดแย้ง โดยระบุว่าประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การที่นายวีริศ ผู้ว่าการ รฟท. ประกาศแผนการจัดการพื้นที่หากชนะคดี ทั้งการจัดสรรที่ดินให้เช่าสำหรับที่อยู่อาศัย การเกษตร และพาณิชยกรรม แสดงให้เห็นถึงการวางแผนยาวไกลและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่อาจดำเนินต่อไปในอนาคต
การถ่วงดุลผลประโยชน์และอนาคตที่ไม่แน่นอน
ผลประโยชน์มหาศาลจากพื้นที่เขากระโดง รวมถึงความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอำนาจท้องถิ่น ทำให้การแก้ปัญหานี้ยากยิ่งขึ้น เพราะข้อพิพาทไม่ได้เป็นเพียงปัญหาทางกฎหมายแต่ยังเป็นการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างกลุ่มอำนาจทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ
นอกจากนี้ ความขัดแย้งดังกล่าวยังสะท้อนถึงการจัดสรรที่ดินของรัฐและการใช้พื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของประชาชนมาโดยตลอด
เขากระโดงในฐานะกระจกสะท้อนความซับซ้อนของสังคมไทย
จากพื้นที่ธรรมชาติสู่สนามรบทางกฎหมายและการเมือง กรณีเขากระโดงได้สะท้อนถึงความซับซ้อนในการจัดการที่ดินสาธารณะและปัญหาทางกฎหมายของประเทศไทยอย่างชัดเจน การแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ข้อยุติที่เป็นธรรม จำเป็นต้องอาศัยกระบวนการที่โปร่งใส เป็นธรรม และไม่ถูกครอบงำโดยผลประโยชน์ทางการเมือง การยึดมั่นในหลักการทางกฎหมายจะเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ปัญหานี้คาราคาซังต่อไป พร้อมกับคืนความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมและการจัดการที่ดินของรัฐ
ภาพ กรมที่ดิน