รีเซต

บล.กสิกร ชี้เป้ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ฟื้นตัวแกร่ง ปัจจัยหนุนเพียบ

บล.กสิกร ชี้เป้ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ฟื้นตัวแกร่ง ปัจจัยหนุนเพียบ
ทันหุ้น
20 ตุลาคม 2566 ( 11:29 )
49
บล.กสิกร ชี้เป้ากลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ฟื้นตัวแกร่ง ปัจจัยหนุนเพียบ

#KBANK #ทันหุ้น - บล.กสิกรไทย แนะหุ้นกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง AAI และ ITC ฟื้นตัวแกร่ง มีปัจจัยหนุน

 

บล.กสิกร  คาดบริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI จะรายงานงบการเงินไตรมาส 3/2566 ใน วันที่ 8 พ.ย. ด้วยกำไรปกติที่ 132 ลบ. (-50.3% เทียบปีก่อนหน้า และ +24.6% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) หากไม่รวมผลขาดทุนจาก FX ที่ 20 ลบ. ประมาณการกำไร 9 เดือนแรกของปี 2566 จะเท่ากับ 64.6% ของประมาณการกำไรรวมทั้งปีนี้  สาเหตุของการปรับลดลง คาดจะมาจาก

 

1) การระบายสินค้าคงคลังที่นานขึ้นในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกและ

2) ราคาทูน่าระดับสูงซึ่งกดดันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) โดยรวม ขณะที่ปัจจัยหนุนการเติบโตในเชิงไตรมาส คาดจะมาจากยอดสั่งซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่ฟื้นตัวขึ้นจากสหรัฐฯ และยุโรปซึ่งส่งผลให้GPM สูงขึ้น

 

ในส่วนของ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ ITC บล.กสิกร คาดว่า ITC จะรายงานงบการเงินไตรมาส 3/2566 ในวันที่ 30 ต.ค. ด้วยกำไรปกติที่ 475 ลบ. ( -61.7% เทียบปีก่อนหน้า  และ +9.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า) หากไม่รวมผลขาดทุนจาก FX ที่ 10 ลบ. ประมาณการกำไรปกติ 9 เดือนแรกปี2566 คาดจะเท่ากับ 65.7% ของประมาณการกำไรทั้งปีนี้

 

สาเหตุของการลดลงจากปีก่อนหน้า คาดจะมาจาก สาเหตุเดียวกับของ AAI ขณะที่แรงขับเคลื่อนการเติบโตในเชิงไตรมาส คาดจะมาจากยอดสั่งซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงที่ฟื้นตัวขึ้นจากสหรัฐฯ ขณะที่มีการปรับ ASP ขึ้นขี้ราว 3-5% ซึ่งส่งผลให้ GPM ขยายตัวขึ้นในส่วนของแนวโน้มการเติบโต บล.กสิกรมีมุมมองบวกต่อกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ปัจจุบัน ลูกค้าของ AAI และ

ITC เกือบทั้งหมดกลับมาสั่งผลิตซ้ำหลังใช้เวลานานในการระบายสินค้าคงคลัง ในไตรมาส 4/2566 ทั้ง 2 บริษัทคาดว่ายอดขายจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับในไตรมาส 4/2565

ซึ่งบ่งชี้ถึงการเติบโตขึ้นอย่างมากในเชิงไตรมาส

 

ดังนั้น เราจึงคาดว่า GPM จะขยายตัวขึ้นอีกเนื่องจากสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงจะคิดเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทที่อ่อนแอ และราคาทูน่าที่ลดลง  จะกลายมาเป็นปัจจัยหนุนสำหรับผู้ ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยง เราคาดว่าทั้ง AAI และ ITC จะบันทึกผลบวกเต็มจำนวนจากราคาทูน่าที่ลดลงในช่วงสิ้นปี 2566

 

ขณะที่ตลอดทั้งปีที่ผ่านมานี้ ITC ปรับเพิ่ม ASP ขึ้น 5-10% ปรับประมาณการกำไร เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วงปลายปี 2566 เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติในปี 2566 ของ AAI และ ITC ขึ้น 32.7% และ 0.5%

 

อย่างไรก็ดีทั้ง 2 บริษัทเลื่อนแผนการเพิ่มกำลังการผลิตออกไปจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง ดังนั้นจึงลดประมาณการกำไรปกติในปี 2567/68 ของ AAI และ ITC ลง 12.1%/15.2% และ

32.9%/31.3% ทั้ง ITC และ AAI เลื่อนการเพิ่มกำลังการผลิตอีก 18,354 ตัน/ปี และ 11,000 ตัน/ปี ออกไปเป็นปี 2567 และปี 2569 ตามลำดับ นอกจากนี้ เราปรับเพิ่มประมาณ

การสัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้ของ ITC ขึ้นเป็นราว 8 เพื่อให้สอดคล้องกับคาดการณ์ของบริษัทฯ

 

ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ราคาหุ้น AAI และ ITC ลดลง 50.1% และ 38.6% ขณะที่ PER ปี 2566/67/68 ซื้อขายที่ 20.10 เท่า/12.2 เท่า/10.2 เท่า และ 26.2 เท่า/18.9 เท่า/

14.8 เท่า ตามลำดับ ซึ่งเท่ากับระดับเฉลี่ยในอดีต

 

บล.กสิกร แนะนำ "ซื้อ" AAI และ ITC แต่ลดราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 ลงเป็น 5.1 บาท คำนวณด้วย PER ล่วงหน้าที่ 15.1 เท่า และ 23.1 บาท คำนวณด้วย PER วงหน้าที่ 20 เท่า ตามลำดับ ปัจจัยหนุนราคาหุ้นคาดจะมาจาก  วัฎจักรการสั่งซื้อซ้ำ , เงินบาทที่อ่อนแอและ และ ราคาทูน่าที่ลดลงมาก

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง