วิเคราะห์เจาะหุ้น "BANPU"

#BANPU #ทันหุ้น - บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ส่องหุ้น บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ระบุ ASP แกร่ง แต่ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง หากไม่รวมกําไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 5.6 พันลบ.จากซื้อ XTO shale gas ใน Q2 กําไรสุทธิใน Q3 เพิ่มถึง 67% qoq และ 2.4x yoy เป็น 1.20 หมื่นลบ. (EPS 1.80 บาท) ปริมาณขายที่แข็งแกร่งของ ITM, ASP ที่สูงเป็นประวัติการณ์ทั้งที่ ITM และ CEY รวมถึงผลการดําเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจไฟฟ้าแตจะขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง โดยเฉพาะจากธุรกิจก๊าซ ทั้งนี้ไม่ป้องกันความเสี่ยงธุรกิจถ่านหินแล้ว เหลือแต่ก๊าซเท่านั้น แนะนําซื้อ ราคาเป้าหมาย SoTP ที่ 20 บาท
ทั้งนี้ คาดว่ากําไรสุทธิใน Q3 จะแข็งแกร่อยู่ที่ 1.20 หมื่นลบ. (-6% qoq, +2.4x yoy) หากไม่รวมกําไรที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว 5.6 พันลบ. จากการซื้อ XTO shale gas ใน Q2 กําไรสุทธิใน Q3 จะเพิ่มขึ้นถึง 67% qoq ปริมาณยอดขายของ ITM ที่ 5.5mt ขณะที่คาดว่า ASP จะเพิ่มขึ้นเป็น US$205/t ส่วนต้นทุนต่อหน่วยนำจะเพิ่มขึ้นเป็น US$92/t เนื่องจากใช้น้ำมันที่มีต้นทุนสูงต่อเนื่องจากใน Q2 และมีต้นทุนจากการเป็ดหลุมใหม่ คาด CEY ใน Q3 จะดีมาก แม้ปริมาณยอดขายจะลดลงเหลือ 2.3mt แต่คาด ASP ของยอดขายในประเทศจะพุ่งขึ้นเป็น A$100/t และการส่งออกอยู่ที่ A$500/t จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของตลาดถ่านหินที่ขนส่งทางทะเลคาด Blended ASP ของ CEY จะเพิ่มขึ้นเป็น A$204/ แต่ต้นทุนต่อหน่วยเพิ่มเป็น A$100/t จากปริมาณการผลิตต่ำ ปริมาณยอดขาย shale gas จะเพิ่มเป็น 80bcf จากการรวมยอดขายของ XTO shale gas ในงบรวม คาด ASP เพิ่มเป็น US$7.6/mcf จาก US$6.6 ใน Q2 BANPU ป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ 60% ของปริมาณยอดขาย ทําให้ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง 9.0 พันลบ. (US$250 ล้าน)
ขณะเดียวกันมีถ่านหิน 150,000 ตันที่ป้องกันความเสี่ยงไว้ที่ US$140/t คาดบริษัทจะขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงราคาถ่านหิน 1.1 พันลบ. นอกจากนี้คาดค่าเงินบาทอ่อนค่าทําให้บริษัทมีกําไรจากอัตราลแกเปลี่ยน 2.1 พันลบ. ส่วนผลประกอบการของธุรกิจโรงไฟฟ้า BPP ก็น่าจะดีขึ้น qoq จากผลการดําเนินงานที่ดีขึ้นของ BLCP และ SLG (ได้อานิสงส์จากต้นทุนถ่านหินที่ถูกลง) โดยสรุปแล้ว ฝ่ายวิจัยคาดว่ากําไรสุทธิใน Q3 จะอยู่ที่ 1.20 หมื่นล้านบาท (EPS 1.80 บาท) ลดลง 6% qoq แต่เพิ่มขึ้นถึง 2.4x yoy
ไม่เหลือสัญญาป้องกันความเสี่ยงถ่านหินแล้ว เหลือแต่ของก๊าซเท่านั้น
BANPU ไม่มีสัญญาป้องกันความเสี่ยงถ่านหินเหลือแล้วใน Q4/65 และ 2566 ส่วนของก๊าซ BANPU ป้องกันความเสี่ยงเอาไว้ 60% (หรือ 48bcf) ของปริมาณยอดขายก๊าซรายไตรมาสที่ราคา US$3.5/mcf ใน Q4/65 และ 40% ที่ราคา US$4.5/mcf ในปี 2566 ช่วงหลายสัปดาห์ ราคาก๊าซ Henry Hub ลดลงมาอยู่ที่ US$6.5/mcf อาจขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง คาดปริมาณการป้องกันความเสี่ยงจะลดลงอย่างมีนัยสําคัญในปี 2566 ในขณะที่ราคาที่ทําการป้องกันความเสี่ยงจะสูงขึ้น คาดขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจะลดลงในปี 2566
แนะนําซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย SoTP ที่ 20 บาท (fully-diluted) คาดผลการดําเนินงาน ใน Q4 จะแข็งแกร่งที่สุดจากปริมาณยอดขายถ่านหินเพิ่มจาก ITM และ CEY ขณะที่ขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยงจะลดลง เงินบาทที่อ่อนค่าลง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการ จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร็ง และเงินจากการแปลง W4 และ W5 ในเดือนกันยายน 2565 และ กันยายน 2566 จะทําให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนของ BANPU ลดลงเหลือ 0.5x ในปี 2566 จาก 1.0x ในปี 2565