SA ออกหุ้นกู้ 3 รุ่น ชูผลตอบแทนสูงสุด 7.30% เปิดจอง 9,13-14 พ.ค.นี้

#SA #ทันหุ้น - บมจ.ไซมิส แอสเสท หรือ SA เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุด ทั้งแบบมีและไม่มีประกัน ให้อัตราผลตอบแทน 6.90%-7.30% ต่อปี เปิดจองวันที่ 9, 13-14 พ.ค.68 เพื่อนำเงินไปชำระคืนสถาบันการเงิน ใช้เป็นทุนหมุนเวียน และลงทุนโครงการใหม่ ด้านซีเอฟโอ “รีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์”ระบุมั่นใจในความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยตรงเวลา พร้อมจุดแข็งจากการพัฒนาโครงการ Branded Residence และ Mixed Use สร้างรายได้หลากหลายและมั่นคง พร้อมเสิร์ฟโครงการแนวราบ หลากหลายทำเล-ระดับราคา ตอบโจทย์ผู้บริโภค โชว์ Backlog แน่นกว่า 5.2 พันล้านบาท คาดการผ่อนคลาย LTV จะช่วยหนุนยอดขายอสังหาฯ และสนับสนุนผลงานปีนี้เติบโตโดดเด่น
นางสาวรีย์ฐิตา อักษรจิรารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชี บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) (SA) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “Asset of Life สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน/มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 3 ชุด ประกอบด้วย
หุ้นกู้ชุดที่ 1 : หุ้นกู้เสี่ยงสูง ไม่มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2568 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อัตราผลตอบแทน 7.05% ต่อปี มีอายุ 1 ปี 6 เดือน
หุ้นกู้ชุดที่ 2 : หุ้นกู้เสี่ยงสูง มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2568 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อัตราผลตอบแทน 6.90% ต่อปี มีอายุ 2 ปี 6 เดือน
หุ้นกู้ชุดที่ 3 : หุ้นกู้เสี่ยงสูง มีประกันของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 2/2568 ชุดที่ 3 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2571 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนครบกำหนด อัตราผลตอบแทน 7.30% ต่อปี มีอายุ 3 ปี
สำหรับชุดที่ 2 และ 3 มีสินทรัพย์ค้ำประกันมูลค่ากว่า 130% ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีหลักประกันคือห้องชุดโครงการ Landmark At MRTA Station เป็นหลัก
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน จองซื้อขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท พร้อมเสนอขายให้แก่ นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ โดยคาดว่าจะเปิดจองซื้อได้ในวันที่ 9 , 13 และ 14 พฤษภาคม 2568
สำหรับวัตถุประสงค์การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ เพื่อใช้ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น อีกทั้ง บริษัทฯ เตรียมนำเงินเพื่อลงทุนในโครงการ แลนด์มาร์ค แกรนด์ สเตชั่น และโครงการ แลนด์มาร์ค แอท เกษตรศาสตร์ ทุ่งสองห้อง สเตชั่น และถัดไปเตรียมสำหรับลงทุนในโครงการ มนต์เสน่ห์ ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินกู้ยืมภายในกลุ่มบริษัท และชำระคืนหนี้จากการออกตราสารหนี้ตามลำดับ
นักลงทุนที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ SA สามารถติดต่อบริษัทหลักทรัพย์ผู้จัดจำหน่าย 11 แห่ง ประกอบด้วยบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จํากัด , บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จํากัด ,บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จํากัด (มหาชน) , บริษัทหลักทรัพย์ พาย จํากัด (มหาชน) ,บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด ,บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือสอบถามข้อมูลหุ้นกู้เพิ่มเติมได้ที่ www.siameseasset.co.th/debenture หรือ Call Center 1306
"หุ้นกู้ SA ทุกรุ่นที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถจ่ายอัตราดอกเบี้ยได้ครบถ้วน และตรงตามกำหนดทุกรุ่น ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน และมั่นใจว่าจะสามารถชำระดอกเบี้ยได้ตามกำหนดเวลาที่วางไว้ ซึ่งบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญและตระหนักเป็นอย่างดีต่อการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เพื่อดำรงไว้ซึ่งหลักการการดำเนินธุรกิจอย่างมีธรรมาภิบาล โปร่งใส และเติบโตอย่างต่อเนื่อง" นางสาวรีย์ฐิตา กล่าว
อีกทั้ง โครงสร้างการดำเนินธุรกิจของไซมิส แอสเสท มีความโดดเด่นและแข็งแกร่ง เนื่องมาจากบริษัทฯ เริ่มการพัฒนาในรูปแบบ Branded Residence ตั้งแต่ปี 2562 โดยนำบริการของโรงแรมระดับโลกเข้ามาให้บริการภายในโครงการที่พักอาศัย พร้อมปรับบางโครงการเป็นแบบ Mixed Use เพื่อบริหารทรัพย์สินอย่างมีประสิทธิภาพและใช้ประโยชน์ร่วมกันสูงสุด โดยบริษัทจัดสรรพื้นที่บางส่วนเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ โรงแรม หรือเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ เพื่อสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างรายได้หลากหลายประเภทในโครงการเดียว ทั้งจากการขาย การให้เช่า และการให้บริการ ส่งผลให้บริษัทมีรายได้ที่มั่นคงและลดการพึ่งพิงธุรกิจเพื่อการขายเพียงด้านเดียว
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์จำนวนรวม 13 โครงการ ประกอบด้วย โครงการแนวสูง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 6 โครงการ และมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา/ก่อสร้างและการขายจำนวน 7 โครงการ โดยเป็นโครงการแนวสูง 3 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ นอกจากนี้ ในปี 2567 บริษัทได้เปิดให้บริการโรงแรม TRIBE Living Bangkok Sukhumvit 79 และ Cassia Rama 9Bangkok ขณะที่มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่จำนวนกว่า 5.2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดจะรอรับรู้รายได้ในปี 2025-2026
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทยช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ผู้บริโภคให้ความสนใจในโครงการแนวราบมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม และเป็นพื้นที่ใช้ชีวิตที่ตอบโจทย์ครอบครัวในระยะยาว ซึ่งบริษัทฯ ก็มีพอร์ตโครงการแนวราบที่หลากหลาย ทั้งในด้านทำเลและระดับราคา เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโครงการในย่านราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ รังสิต และกรุงเทพฯ โซนตะวันตก ซึ่งสามารถตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงและผู้ซื้อเพื่อลงทุนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการผ่อนปรนมาตรการสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (Loan-to-Value -- LTV) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ทำให้บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะเป็นการกระตุ้นการซื้ออสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้ และเป็นปัจจัยบวกผลักดันผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้