กทม.- ปริมณฑล เตรียมรับมือค่า ฝุ่น PM2.5 แนวโน้มสูงขึ้นถึง 27 ต.ค.
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กทม. กล่าวว่า จากกรณีกรมควบคุมมลพิษเตือนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เตรียมรับมือฝุ่น PM2.5 ช่วงวันที่ 24 -27 ตุลาคมนี้ กทม. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปี 2568 พร้อมประสานทุกหน่วยงานขับเคลื่อนแผนฯ ทั้งในสภาวะปกติ และช่วงวิกฤตอย่างต่อเนื่องตามอำนาจหน้าที่ เพื่อรองรับสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน
ประกอบด้วย มาตรการติดตามเฝ้าระวัง กำจัดต้นตอ และป้องกันประชาชน โดยเฉพาะการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ทั้งจากสถานประกอบการ โรงงาน สถานที่ก่อสร้างทุกขนาด ถมดิน และท่าทราย ซึ่ง กทม. ได้ประสานความร่วมมือระหว่าง สสล. สำนักงานเขต สำนักอนามัย และสำนักการโยธา เข้มงวดตรวจสอบการตรวจแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 ตามแผนการตรวจฯ แห่งละ 2 ครั้ง/เดือน
พร้อมกำชับผู้ประกอบกิจการและผู้รับเหมาก่อสร้างให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฝุ่น PM2.5 อย่างเคร่งครัด รวมทั้งตรวจสอบยานพาหนะในสถานที่ต้นทางและริมเส้นทางจราจรร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร กรมการขนส่งทางบก และกรมควบคุมมลพิษ
ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ได้จัดทำ "มาตรการรับมือสถานการณ์ ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568" โดยจะขับเคลื่อนผ่านกลไกการบริหารจัดการ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับภาคหรือข้ามเขตป่าหรือเขตปกครอง และระดับจังหวัด โดยจัดทำแผนที่เสี่ยงการเผา จัดการไฟในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติ โดยตั้งจุดตรวจ, จุดสกัด, จุดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง, จัดการไฟในพื้นที่เกษตร หากฝ่าฝืนจะถูกบังคับใช้กฎหมาย ตัดสิทธิความช่วยเหลือจากภาครัฐ ไม่ให้สิทธิหรือเพิกถอนสิทธิ ส.ป.ก. นิคมสหกรณ์ กับเกษตรกรที่ไม่ร่วมมือ
ควบคุมฝุ่นละอองในเขตเมือง ออกประกาศห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่เข้าเขตเมืองช่วงวิกฤต จัดการหมอกควันข้ามแดน ส่งเสริมการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรแบบไม่เผา จัดการหารือระดับรัฐมนตรีก่อนเริ่มฤดูหมอกควัน ตั้งศูนย์ข้อมูลและศูนย์บัญชาการเฝ้าระวัง ควบคุมและดับไฟ ในประเทศเพื่อนบ้าน
ขณะที่การบริหารจัดการภาพรวม จะเร่งรัดของบกลางสนับสนุนให้สิทธิประโยชน์กับภาคเอกชน ยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ PM2.5 มีนโยบายการ Work From Home ดำเนินมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจวัดรถยนต์ที่มีควันดำ จำนวน 161,175 คัน ผลการตรวจสอบไม่ผ่านและสั่งให้ปรับปรุงแก้ไข 945 คัน
ภาพจาก: TNN