ส่องหุ้นน้องใหม่ "ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์"ในมุมมองโนมูระ พัฒนสิน
ทันหุ้น-สู้โควิด : บล.โนมูระ พัฒนสิน ได้ออกบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด(มหาชน) หรือ LEO ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ซึ่งบริษัทประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจร ครอบคลุมทั่วโลกเป็นพันธมิตรกับสายเดินเรือสัญชาติเกาหลี คือ Sinokor เพื่อดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนขายระวางให้กับสายเดินเรือ Sinokor ประจำประเทศไทย
นอกจากนี้ยังได้เป็นพันธมิตรด้านผู้ให้บริการขนส่งพัสดุและเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ กับ ARAMEX จากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท อาราเม็กซ์ (ประเทศไทย) เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งพัสดุ และเอกสารเร่งด่วนระหว่างประเทศ เส้นทางหลักคือตะวันออกกลาง เอเชีย และยุโรป
ฝ่ายวิจัยโนมูระ พัฒนสิน ได้ประเมินผลประกอบการของ LEO ในปี 2563 แม้จะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งจะฉุดปริมาณขนส่งแต่ได้ประโยชน์จากราคาค่าบริการขนส่งทางอากาศสูงขึ้น และบริหารต้นทุน ค่าใช้จ่ายได้ดีทำให้กำไรสุทธิยังเติบโต 27% เป็น 58 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2564-2565 คาดกำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและปริมาณขนส่งสินค้า โดยประเมินว่าจะมีกำไรเติบโต 20% และ 15% มาอยู่ที่ 70 ล้านบาท และ 80 ล้านบาทตามลำดับ
ทั้งนี้ LEO มีแผนพัฒนาโครงการใหม่อีก 2 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2565 นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะเข้าร่วมลงทุน (M&A) กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อสร้างศักยภาพการแข่งขัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการกิจการภายในปี 2564
นอกจากนี้คาดว่าการระดมทุนผ่านตลาดหุ้น จะทำให้ LEO มีเงินสดในมือเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก ณ สิ้นไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 1.72 เท่า ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2/63 บริษัทมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยอยู่ที่เพียง 22 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ 0.09 เท่า
LEO จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 37.5% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น โดยมีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการะดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจบริการพื้นที่สำหรับเก็บของ 2 โครงการ มูลค่า 80-100 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในปี 2565, พัฒนาระบบขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศเมียนมาร์ มูลค่า 10 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในปี 2565, ขยายพื้นที่บริการรับฝากตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ มูลค่า 60 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จในปี 2565 และร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและกลุ่มประเทศอาเซียน คาดภายในช่วงปลายปี 2564