รีเซต

"แม็คยีนส์" ตั้งเป้าปักธง "MC OUTLET" ให้ครบ 70 แห่งภายในปี 65 หลังผลตอบรับดียอดขายพุ่งเท่าตัว

"แม็คยีนส์" ตั้งเป้าปักธง "MC OUTLET" ให้ครบ 70 แห่งภายในปี 65 หลังผลตอบรับดียอดขายพุ่งเท่าตัว
มติชน
8 ธันวาคม 2564 ( 12:40 )
52
"แม็คยีนส์" ตั้งเป้าปักธง "MC OUTLET" ให้ครบ 70 แห่งภายในปี 65 หลังผลตอบรับดียอดขายพุ่งเท่าตัว

นายเจมส์ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “Mc” องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า ได้วางกลยุทธ์การทำธุรกิจในช่วง 12 – 18 เดือนนับจากนี้ ในหลายด้านๆ ทั้งการสร้างการเติบโตของรายได้ การรักษาระดับมาร์จิ้นให้อยู่ในระดับเท่าเดิม หรือดีขึ้น ตลอดจนการลดการจัดโปรโมชั่นเพื่อสร้างแบรนด์ให้ชัดเจน การอัพเกรดช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ รวมถึงการบริหารส่วนอื่นๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีเป้าหมายลดต้นทุนชนิด 360 องศา เพื่อให้ผลดำเนินงานของบริษัทเติบโต สามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งนี้หนึ่งในกลยุทธ์และเป็นคีย์ที่สำคัญคือการทยอยเปิด “แม็ค เอาท์เล็ท” (MC OUTLET) ซึ่งอยู่ในสถานีบริกาพีทีที สเตชั่น ของ OR เพิ่มให้ครบ 70 แห่งในปี 2565 นี้ หลังจากได้เริ่มเปิดสาขาแรกที่วังน้อย เมื่อเดือนตุลาคม และเปิดเพิ่มที่สระบุรี ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยยอดขายต่อสาขาเพิ่มขึ้นมา 2 เท่าตัว เนื่องจากสอดรับกับพฤติกรรมของคนไทยที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นหลัก อีกทั้งการที่ยอดขายและรายได้ของแม็คยีนส์เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์อิงกับเศรษฐกิจในประเทศ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเปิดประเทศ กำลังซื้อและเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาก็สนับสนุนธุรกิจของบริษัทด้วย


“ข้อดีของการเปิด MC OUTLET ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ของ OR ถึงแม้ว่า ประเทศจะมีการล็อกดาวน์ แต่ช้อปในสถานีบริการน้ำมันไม่ถูกปิด และพฤติกรรมคนไทยก็มีการใช้เวลาในสถานีบริการน้ำมันนานขึ้น เพราะสถานีบริการน้ำมันได้มีการพัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์ คอมมูนิตี้มอลล์สำหรับคนในชุมชน ทำให้คนในชุมชนไม่เดินทางไปห้างสรรพสินค้า แต่จะเลือกมาที่สถานีบริการน้ำมันแทนเพราะมีบริการที่ครบครันและ MC OUTLET ก็เป็นช้อปที่ได้รับความสนใจ” นายเจมส์ริชาร์ด กล่าว

 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานงวดปี 64/65 (ก.ค. 64 -มิ.ย. 65) จะดีกว่างวดปีงวดปี 63/64 เนื่องจากยอดขายฟื้นตัว หลังคลายล็อกดาวน์ โดยยอดขายเติบโตได้ดีจากทุกช่องทาง ขณะที่ฐานะการเงินแข็งแกร่งมีเงินสดในมือกว่า 1,800 ล้านบาท และไม่มีหนี้สินก็เป็นโอกาสให้บริษัทมองหาดีลเพื่อควบรวมกิจการที่จะสนับสนุนธุรกิจหลักของบริษัทได้ ปัจจุบันมีการเจรจา และพิจารณาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจที่เข้ามาเสริมด้านซัพพลายเชนให้ดีขึ้น หรืออาจเป็นธุรกิจใหม่ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม ซึ่งบริษัทมีการเลือกลงทุนเพื่อให้ได้ในสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด


สำหรับปัญหาราคาวัตถุดิบฝ้าย ที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยังไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของบริษัทในช่วงนี้เพราะได้มีการซื้อล่วงหน้าไว้แล้วถึงเดือนมิถุนายน 2565 ขณะที่โควิดสายพันธุ์ใหม่ ” โอไมครอน” ก็ต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง